“ชัชชาติ” ชี้การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อน ว่าผู้ว่าฯ กทม. ไม่เคยลงพื้นที่พบประชาชนเลย ขณะเวทีปราศรัยครั้งแรก มีเสียงตอบรับเรียบง่าย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 กล่าวถึงนโยบายผู้ว่าฯ สัญจร ว่า ตนได้รับเสียงสะท้อน ว่าผู้ว่าฯ กทม. ไม่เคยลงพื้นที่พบประชาชนเลย นอกจากวันหาเสียง ดังนั้น แนวคิดผู้ว่าฯสัญจร ตนต้องการลงพื้นที่พบปะประชาชนให้ครบทุกชุมชน ซึ่งใน 1 ปีสามารถทำได้ครบทุกเขต ซึ่งเป็นการทำงานที่ต้องลงไปดูว่า ข้าราชการแต่ละเขตอยู่กันอย่างไร และได้ถือโอกาส เยี่ยมชุมชนบริเวณนั้นด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้เห็นปัญหาดีกว่านั่งทำงานในห้องแอร์ และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ข้าราชการ ลูกจ้าง “หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน” โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานเขต เป็นหัวใจของการทำงานให้ประชาชน ตนคิดว่าจะเปลี่ยนมิติของการให้บริการได้อย่างชัดเจน
สำหรับเวทีปราศรัยครั้งแรกเมื่อวานนี้ ที่มีเสียงตอบรับว่าเรียบง่ายนั้น ตนมองว่าการสร้างเวทีแบบนี้เป็นวิธีการที่ดี เพราะไม่มีฐานเสียงในพื้นที่ ทำให้จัดเวทีใหญ่ยาก มีเพียงไมค์และลำโพงตัวเล็กก็สามารถพูดถึงปัญหาในพื้นที่ได้เลย และมองว่าเป็นวิธีการที่สะดวก และได้รับการตอบรับอย่างดี ประชาชนสามารถโต้ตอบกับตนได้ และเข้าถึงประชาชนได้ดีกว่าเวทีใหญ่
นอกจากนี้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ถูกวิจารณ์ว่าไปหาเสียงให้คนบุกรุกที่ของการรถไฟ ย่านเพลินจิต เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ว่า ตนต้อง ขอโทษและยอมรับว่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด แต่ตนก็ไม่ได้บอกว่าจะให้ที่ดิน ประชาชนที่อาศัยอยู่ตรงนั้น โดยประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ผิดกฎหมาย หลักการจะต้องให้ประชาชนออมเงิน และร่วมกับสถาบันพัฒนาการเงิน องค์กรชุมชน (พอช.) เพื่อหาที่ดินถูกกฎหมายเช่า เช่น ที่ดินของราชการ ที่ดินของการรถไฟที่ไม่ได้ใช้งาน รวมถึงที่ดินเอกชน ที่สามารถเช่าระยะยาว 30 ปีได้ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีบ้านที่มั่นคง สิ่งที่ตนต้องการสื่อสาร ต้องการอยากให้ประชาชนได้ออมเงินก่อน
เพื่อที่จะออกจากพื้นที่เดิม ขณะเดียวกัน การที่ไม่สามารถจดทะเบียนจัดตั้งเป็นชุมชนได้ กทม.ต้องรับรู้ว่ามีชุมชนประเภทนี้อยู่ ตนไม่ได้บอกให้ไปจดทะเบียนให้ถูกกฎหมาย แต่ต้องมีข้อมูลไว้ เมื่อเกิดเหตุอะไร จะได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็สามารถเข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง ถึงแม้จะเป็นชุมชนที่ยังไม่ถูกกฎหมายขณะนี้ แต่ กทม.ต้องเข้าไปดูแล เพราะเป็นประชาชนในกรุงเทพฯ เหมือนกัน
ส่วนกระแสดังกล่าวจะทำให้คะแนนนิยมตกลงหรือไม่นั้น ตนมองว่า คนที่รักและเข้าใจจะดูที่เนื้อหา ส่วนคนที่ไม่รักก็ไม่เป็นไร จุดสำคัญคือต้องดูแลคนทุกคน ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย แต่เรื่องที่อยู่ที่ผิดกฎระเบียบ กทม.จะต้องเข้าช่วยเหลือ ไม่สามารถทอดทิ้งได้ ซึ่งต้องเข้าไปดูแลทั้งกลุ่มเปราะบาง และหาที่อยู่ให้มั่นคง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
