fbpx
Home
|
ข่าว

ปชป.เห็นต่าง เพื่อไทยคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

Featured Image
“อัครเดช”เห็นต่าง เพื่อไทย ชี้ คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หาส.ส.พึงมีรส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งในอนาคต

 

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยวิธีนำคะแนนหารด้วย 500 นั้นทำไม่ได้เพราะจะขัดรัฐธรรมนูญ ว่า เชื่อว่าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

โดยการนำเอาคะแนนจากบัตรเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 เพื่อคิดเป็นส.ส.พึงมีแล้วนำ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งมาหักลบนั้น เป็นการคำนวณตามความนิยมพรรคการเมืองที่แท้จริง ซึ่งเป็นการคิดคำนวณคล้ายกับการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเมื่อปี 2562 แต่เป็นการสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะครั้งนี้เป็นการแยกบัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ คือ บัตรเลือกตั้งแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยหลายประเทศก็ใช้วิธีคิดแบบนี้

 

ทั้งนี้ มั่นใจว่า การคิดคำนวณแบบนี้ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และเป็นการสะท้อนความนิยมของพรรคการเมืองจริงๆ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยเพราะถ้าเราจะส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง วิธีคิดแบบนี้จะเป็นการส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองมากกว่าเดิม

 

อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การเป็นประชาธิปไตยและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากยิ่งขึ้น” นายอัครเดช กล่าว

 

ขณะเดียวกัน นายอัครเดช ยืนยันว่า วิธีคิดคำนวณแบบนี้ไม่ได้มีการคำนึงว่าพรรคใดจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะยังไม่ทราบว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะแพ้ หรือชนะก็ยังไม่ทราบ แต่การคำนวนวิธีหาส.ส.พึงมีนี้จะเป็นการส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งขึ้นในอนาคตเนื่องจากทุกพรคการเมืองต้องหาคะเเนนนิยมของพรรคการเมืองควบคู่ไปกับผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้งด้วย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube