fbpx
Home
|
ข่าว

“วัฒนา”ขึ้นศาลฟังคำตัดสินชั้นอุทธรณ์คดีบ้านเอื้ออาทร

Featured Image
“วัฒนา” เดินทางรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชั้นอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

 

 

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินทางมารับฟังองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ได้นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ในชั้นอุทธรณ์ในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ

 

 

โดยได้กล่าวก่อนเข้ารับฟังว่า วันนี้ตนมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และมาตามหาความเป็นธรรม ซึ่งเราได้สู้คดีมาอย่างเต็มที่ ขอขอบคุณทุกกัลยาณมิตรไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองเก่าหรือพรรคการเมืองใหม่ที่ให้กำลังใจตนมาตลอด ซึ่งวันนี้ตนมาฟังคำพิพากษาเชื่อว่าจะออกมาตามครรลอง เพราะบ้านเมืองเราเสียความยุติธรรมเสียความน่าเชื่อถือไปมากแล้ว ตนเชื่อว่าทุกคนจะพยายามเอากลับมาให้อยู่ในที่ทางที่ถูกต้อง

 

 

ส่วนหลักฐานที่ทำมามอบให้กับทางศาลฯ ในวันสรุปปิดคดี มั่นใจแค่ไหนว่าศาลจะรับฟัง มองว่าในหลักการในการดำเนินคดีอาญาเป็นไปตามหรือพื้นฐานทั้งโลก ซึ่งคดีนี้ไม่มีอะไรถูกต้องทั้งหมดอย่างแรกที่ตนยืนยันตลอดไม่ได้พูดแบบศรีธนญชัยมีการกล่าวหาเกินไป ที่เชื่อหรือว่ามีการเรียกประชุมผู้ประกอบการหลาย 10 คน แล้วไปเรียกรับเงินเขา ซึ่งมีผู้กล่าวหาคนเดียว เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้การจะเอาพยานหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งที่เป็นเท็จก็จะต้องไปปั้นและจูงใจกันมา ซึ่งหลักฐานการจูงใจและการต่อรองพยานมีเป็นหนังสืออยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ซึ่งตนได้ชี้ให้ศาลได้เห็นแล้ว หากศาลยังรับฟังพยานหลักฐานแบบนี้ต่อไปตำรวจจับผู้ต้องหาไม่ต้องสอบสวนเอาไฟช๊อตหรือทุบเลย และการกล่าวหาว่าตนไปเรียกเงินเพื่อการอนุมัติหน่วยก่อสร้างหรืออนุมัติให้เป็นคู่สัญญานั้นตนไม่ได้มีอำนาจ เพราะการเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจมีคณะกรรมการในการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจนี้ โดยคดีนี้ป.ป.ช.บอกว่าคณะกรรมการไม่มีใครทำผิด แล้วตัวรัฐมนตรีจะลอยมาดื้อๆได้อย่างไร จึงยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความถูกต้องแต่แรกจนถึงสุดท้าย ซึ่งไม่แปลกใจที่ตนยังยืนสู้อยู่ตรงนี้ เพราะยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวหาตนไม่เป็นความจริง

 

พร้อมยอมรับว่าได้เตรียมใจ และพร้อมสู้ต่อในฐานะตนเป็นพสกนิกร ยังมีที่พึ่งและไม่ได้แปลว่าตนถูกจำคุกแล้วจะฟ้องกลับใครไม่ได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจและทุกคนต้องทำตามครรลอง หากในทางระบบปกติไม่ได้ ตนก็ต้องฟ้องด้วยการถวายฎีกา ยืนยันว่านักการเมืองไม่ได้โกงทุกคน และการยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมว่าพึ่งพาได้หรือไม่ และย้ำว่าในคดีอาญาหากทำผิดจริงไม่จำเป็นจะต้องปั้นพยานพูดอะไรเมื่อไหร่ก็จะไปลงที่เดียวกัน และที่ตนนำหลักฐานมาให้ศาลเพราะมีอะไรที่ตอบคำถามไม่ได้ และมีความผิดปกติหลายเรื่องในคดีตน และเชื่อว่าคำพิพากษาจะถูกวิจารณ์อีกมากหากมีการเผยแพร่ออกมา

 

 

วันนี้ตนมั่นใจ เพราะสู้มาเพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความยุติธรรม ซึ่งตนได้สู้มา 15 ปีแล้ว และเมื่อคืนนอนหลับดีปกติ ซึ่งตนเตรียมใจไว้ 2 ด้าน ถ้าคำพิพากษาออกมาตามครรลองก็ยอมรับ แต่หากไม่ออกมาตามครรลองก็จะสู้ต่อ และยืนยันว่าจะสู้ทุกช่องทางและสู้จนหมดช่องทางสู้ แต่หากเป็นโควิด-19 ตายก็ช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าคดีของตนเป็นการเมือง 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube