นายกฯรับ “สกลธี” เข้าพบอวยพรปีใหม่ ชี้เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน ปัดหารือลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ขออย่าโยงการเมืองไปหมด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าว นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้าพบเพื่อขอคำแนะนำการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ว่า ไม่เกี่ยว เขาเข้ามาอวยพรเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ ถือว่าเป็นคนรู้จักที่คุ้นเคยกัน ก็เท่านั้นทำไมถึงมองเป็นการเมืองไปเสียหมด
ส่วน นายสกลธี ได้ขอให้สนับสนุนในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วตนสนับสนุนได้หรือไม่ และคงไม่ไปให้คำแนะนำอะไรเป็นเรื่องกลไกทางการเมือง หรือ การคัดเลือกผู้ว่าฯกทม.ก็ว่ากันไป
“แต่ข้อสำคัญของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมาพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีผลงานปรากฏมา ประชาชนจะได้เชื่อมั่นว่าทำงานได้จริงหากโดยหลักการทุกคนก็คงจะรู้กันหมดแล้วจะแก้ปัญหาโน่นนี่แก้ได้หรือไม่ และตามข้อเท็จจริงแก้ได้เท่าไร รัฐบาลชุดปัจจุบันแก้ปัญหามามากน้อยเท่าไหร่ อย่าง ลดพื้นที่น้ำท่วมใน กทม. การทำคันกั้นน้ำ ก็ลดไปเป็นส่วนส่วนเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงปัญหาด้านจราจร คือสิ่งที่ทำมาตลอด มันไม่ง่าย การทำอะไรจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนบุคคลได้ทุกวันเป็นไปไม่ได้ นี่คือประชาธิปไตย”
และเมื่อถามว่า นายสกลธี มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.เนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเป็นรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าอะไรก็ได้
ตนไม่ทราบเพราะทุกอย่างประชาชนเป็นคนเลือก
ส่วนกรณีการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ หลัง กทม.ยกเลิกกิจกรรม รวมถึงสวดมนต์ข้ามปีว่าสามารถจัดงานได้ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายในมาตราการ Covid Free Setting การฉีดวัคซีนต่างๆ ซึ่งต้องช่วยกันควบคุม และการจัดงานขออนุมัติมัติไว้แค่ไหนต้องเท่านั้นจะขายบัตรเพิ่มเติมไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความเข้มงวดมาตรการ เพราะได้มีกรอบและแนวทางที่ชัดเจน เพราะได้มีการกำหนดกรอบการ การปฏิบัติไว้แล้วหากไม่ช่วยกันก็จะทำให้ได้ทุกเรื่อง
โดยสถานการณ์ โอไมครอนก็ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่า ไม่ได้มีความรุนแรง เหมือนสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และสามารถรักษาได้ โดยจากที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ก็ได้เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ดังนั้นขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นทุกคนจะมีความวิตกกังวลไปทั้งหมดตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ได้เลย
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการเตรียมรับมือ กับการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน และนายกรัฐมนตรีเองก็ได้มีการแนะนำไปก่อนหน้านี้รวมไปถึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ศบค. ไปหามาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนประเทศ ในเวลานี้ที่ยากลำบาก ประชาชนขาดแคลนรายได้แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
ส่วนที่มีการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนปลอม นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนทราบมาตั้งนานแล้ว และได้สั่งการดำเนินคดีมาแล้วหลายราย จึงขอให้ช่วยกันเตรียมประชาชนทำไมจะต้องหลอกตัวเองด้วย และการฉีดวัคซีนแสดงผลที่ชัดแล้วว่าสามารถป้องกันความรุนแรงโควิด 19ได้ ซึ่งหากมีเชื้อสายพันธุ์ต่างๆเข้ามา ก็ต้องไผคิดค้นวัคซีนชนิดใหม่เพื่อตอบสนองตรงต่อเชื้อสายพันธุ์ต่างๆ และตนเองได้มีการ พูดคุยกับผู้ที่ผลิตวัคซีน และมหาวิทยาลัย oxford ซึ่งทุกบริษัทก็คิดอย่างนี้ทั้งหมด
นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรียังระบุถึงกรณีสภาล่มจะกระทบต่อการพิจารณากฎหมายสำคัญ หรือไม่ว่าตนไม่กังวล คนที่กังวลคือสภา และเป็นเรื่องที่สภานั้นต้องดำเนินการ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้ และมีการรายงาน ถึงสถิติการเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคไหนเป็นอย่างไร ใครไม่เข้าร่วมประชุม ไม่เข้าเพราะอะไร ตนก็ทราบเพียงแค่เท่านั้น บางทีก็เป็นเรื่องของการเมือง
ดังนั้นก็ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ เพราะฝ่ายบริหารทำงานคนเดียวไม่ได้ ฝ่ายนิติบัญญัติต้องช่วยกัน ตนไม่ขอโทษใคร โดยขอให้ร่วมมือกันในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หากค้านทุกเรื่องก็ไม่มีอะไรดีขึ้น สิ่งที่ทำอยู่ก็หยุดชะงัก ซึ่งก็มีโครงการดีๆหลายอย่าง หากสร้างความบิดเบือนไม่เข้าใจกันมากๆก็ไม่ไหว ซึ่งตนเองไม่ยุ่งเรื่องของสภาอยู่แล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
