Home
|
อาชญากรรม

“ไตรรงค์” ไม่ถือสาบิ๊กโจ๊ก พูดพาดพิงรับผลประโยชน์ พร้อมให้ตรวจสอบ

Featured Image
“พล.ต.ท.ไตรรงค์” ยันไม่ถือสา บิ๊กโจ๊ก ปมพาดพิงเรื่องผลประโยชน์ พร้อมให้ตรวจสอบ ปัดตำรวจชุดสืบสวนจับกุมนักการเมือง ไม่มีพฤติกรรมช่วยเหลือให้พ้นผิด

 

วันนี้ (5 พ.ย.68) พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พาดพิงถึงบทสัมภาษณ์ของตัวเองในรายการหนึ่ง ว่า ได้ด้อยค่าตำรวจกว่า 2 แสนนาย ด้วยการระบุว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดคือตำรวจ

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่มีความเห็นกับการพาดพิงของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และไม่เคยมองว่าเป็นความแค้นส่วนตัว ยืนยันว่าทำไปตามหน้าที่ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 หรือ PCT 4 ที่สามารถสืบสวนดำเนินคดีกับ 2 เครือข่ายเว็บการพนันรายใหญ่จนนำไปสู่การสืบสวนดำเนินคดีกับ 2 อดีตข้าราชการตำรวจระดับสูง และเป็นเหตุให้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการและถูกไล่ออกจากราชการ

 

 "ไตรรงค์" ไม่ถือสาบิ๊กโจ๊ก พูดพาดพิงรับผลประโยชน์ พร้อมให้ตรวจสอบ

 

ส่วนหลักฐาน และข้อมูลที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำออกมาเปิดเผย นั้น จากข้อมูลที่ได้รับเชื่อว่าเป็นหลักฐานเดิมที่เคยได้รับแล้ว แต่ถ้าหากมีหลักฐานใหม่ก็พร้อมที่จะตรวจสอบ หากพบว่าข้าราชการตำรวจนายดันเข้าไปมีส่วนได้รับผลประโยชน์หรือเกี่ยวข้อง ก็จะเอาผิดทั้งคดีอาญาและวินัยโดยไม่ละเว้น

 

ส่วนหลักฐานที่ นายอัจฉริยะ ระบุว่าพนักงานสอบสวนชุดทำคดีของนักการเมืองคนหนึ่งในพื้นที่ จังหวัดสงขลา พัวพันกับการพนันออนไลน์ และไม่นำหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินเข้าสู่สำนวนจนทำให้นักการเมืองรอดคดี

 

พลตำรวจโทไตรรงค์ ยืนยันว่า ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมไม่ได้มีการกลับคำให้การ และสำนักงานจเรตำรวจได้ตั้งคณะกรรมการและเรียกสอบถามข้อเท็จจริงจนสิ้นสุดแล้ว ไม่มีพบตำรวจช่วยให้ผู้ต้องหาพ้นจากการกระทำความผิดแต่อย่างใด

 

แต่ในกรณีที่ นายอัจฉริยะ อ้างว่าพนักงานสอบสวนไม่นำหลักฐานสำคัญไปประกอบสำนวน ส่งให้กับอัยการจนเป็นเหตุให้สั่งไม่ฟ้องนั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง หากพบพนักงานสอบสวนหรือตำรวจบกพร่อง หรือไม่นำหลักฐานเข้าสู่สำนวน ก็จะต้องถูกเอาผิดทั้งอาญาและวินัย

 

สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนดังกล่าว โดยศูนย์ PCT 4 ได้ดำเนินคดีไปแล้ว 3 คดี ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา 2 คดี จัดให้มีการเล่นการพนันและร่วมกันฟอกเงิน และ สภ.หาดใหญ่ 1 คดี คือ ร่วมกันเล่นการพนัน ซึ่งคดีร่วมกันเล่นการพนันถือว่าสิ้นสุดแล้ว จึงเหลืออีก 2 คดีที่อัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ ยังมีคดีเว็บการพนันออนไลน์ที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนักการเมืองคนดังกล่าวในพื้นที่ สน.เพชรเกษมอีก 1 คดี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube
ปิดโหมดสีเทา