fbpx
Home
|
ข่าว

“เผ่าภูมิ”คาดGDPทะลุเพดานหากโควิดยืด

Featured Image
“เผ่าภูมิ” แถลงสถานการณ์หนี้สาธารณะ คาดหากโควิดยืด 2-3 เดือน หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ 62-63% ทะลุเพดานทันทีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์หนี้สาธารณะ โดยระบุว่า พบหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมเงินกู้ 5 แสนล้านบาท สิ้นเดือน ก.ย.64 คาดว่าจะอยู่ที่ 9.2 ล้านล้านบาท GDP อยู่ที่ 16.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 57.4% แต่จำนวนนี้ไม่รวมกับโควิด-19 ระลอก 3 ที่ยาว คาดเสียหายอีกราวเดือนละ 100,000 ล้านบาท, กู้ชดเชยขาดดุลงบ 65 อีก 700,000 ล้านบาท และGDP ที่ต่ำกว่าประมาณการ หากรวมทั้ง 3 ข้อนี้ กรณีโควิดยืดกว่าคาด 2-3 เดือน หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ 62-63% ทะลุเพดานทันทีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ให้จับตารัฐบาลขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP เป็น 65-70% ในการทบทวนกรอบวินัยการเงินการคลังของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง ที่จะครบกำหนด 3 ปี ภายในเดือน มิ.ย.64 นี้, สัดส่วนนี้ขยายเพดานให้กันได้ ในเงื่อนไขที่เหมาะสมและรัฐบาลใช้เงินมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อเพิ่ม

แต่จาก 7 ปีของรัฐบาลปัจจุบัน GDP ขยายตัวเฉลี่ยเพียง 2.88% ต่อปี แต่หนี้สาธารณะขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 7.07% ต่อปี หนี้โตเร็วกว่ารายได้ประเทศถึงกว่า 2 เท่าต่อปี ทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP พุ่งเกือบ 20% ในรัฐบาลชุดนี้ แนวโน้มเหล่านี้หากปล่อยไปเรื่อยๆ เป็นสัญญาณอันตรายมากต่อการสร้างหนี้นอกระบบงบประมาณ

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า การขาดดุลงบประมาณ ปี 58-59 ขาดดุลเฉลี่ย 3-4 แสนล้านบาท ปี 60-63 ขาดดุลเฉลี่ย 5 แสนล้านบาทต่อปี และจะพุ่งเฉลี่ย 7 แสนล้านบาทต่อปีนับจากนี้ ไม่มีแนวโน้มลดลง งบปี 65 ก็ตั้งขาดดุล 7 แสนล้านบาท สุดเพดานตาม พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ แนวโน้มเหล่านี้ส่งสัญญาณอันตราย ต่อภาวะการสร้างหนี้ในระบบงบประมาณที่มากขึ้นทุกปีๆ ประเทศไทยจึงเข้าสู่ภาวะอันตรายในการสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งในและนอกระบบงบประมาณ การขยับเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้รัฐบาลนี้จะนำไปสู่อันตรายทางการคลังของประเทศ เพราะเป็นการสร้างหนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นอนาคต

และหากเปรียบเทียบกับรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 54.05% ในปี 45 ลดลงสู่ 39.18% ลดลงเกือบ 15% ใน 4-5 ปี เทียบกับรัฐบาลปัจจุบันจาก 42.56% ในปี 58 พุ่งสู่ 57.4% ใน มี.ค. 64 และ 62-63% ในสิ้นปีนี้พุ่งขึ้นเกือบ 20% ซึ่งใน 7 ปี สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารประเทศที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube