fbpx
Home
|
ทั่วไป

กทม.แบ่งวิธีส่งต่อผู้ป่วยโควิด 3 กลุ่ม

Featured Image
กทม. แบ่งวิธีส่งต่อผู้ป่วยโควิด 3 กลุ่ม พร้อมพัฒนาระบบแจ้งข้อมูลลดผู้ป่วยตกค้าง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงถึงกรณีการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้เหมาะสมกับอาการ กรุงเทพมหานครจึงได้มีการแบ่งกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

“กลุ่มสีเขียว” ส่วนใหญ่ส่งเข้าโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel เป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้นถ่ายเหลว

“กลุ่มสีเหลือง” ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เป็นกลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว มีความเสี่ยงหรือมีโรคร่วมที่สำคัญ อาทิ

1. อายุมากกว่า 60 ปี

2. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รวมโรคปอดอื่นๆ)
3. โรคไตเรื้อรัง

4. โรคหัวใจและหลอดเลือด (รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด)

5. โรคหลอดเลือดสมอง

6. เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้

7. ภาวะอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม
8. ตับแข็ง

9. ภูมิคุ้มกันต่ำ (เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 1,000 cell/mms)

และ “กลุ่มสีแดง” ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก X-ray พบปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะปอดบวม (ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96% หรือ ความอิ่มตัวของเลือดลดลงมากกว่า 3% ของค่าที่วัดได้ครั้งแรกหลังออกแรง (Exercise – induced Hyoixemia)

สำหรับผู้ที่ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงไปถึงผู้ป่วยที่ตกค้างหรือรอคิวเป็นเวลานาน สามารถประสานเพื่อเข้ารับการรักษาโดยแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์เอราวัณ กทม. โทร. 1669 สายด่วนกรมการแพทย์ 1668 และสายด่วน 1330 หรือแจ้งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันไลน์ @sabaideebot ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้เพิ่มจำนวนคู่สายของสายด่วน 1669 เพิ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานช่วงกลางวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ปรับปรุงระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติขณะประชาชนรอสาย และการจัดระบบการรับสายใหม่ โดยรับสายพร้อมให้ประชาชนแจ้งเฉพาะชื่อและเบอร์ติดต่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกลับ นอกจากนี้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จัดรถรับ-ส่งผู้ป่วย สนับสนุนการรับส่งผู้ป่วยในพื้นที่ไปส่งโรงพยาบาลสนามให้เร็วยิ่งขึ้น

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube