fbpx
Home
|
ทั่วไป

ศบค.มั่นใจโควิดทั่วประเทศแนวโน้มดีขึ้น

Featured Image
ศบค.ชี้ สถานการณ์โควิดทั่วประเทศดีขึ้น พบผู้ป่วยใหม่ลดลงต่อเนื่อง ฉีดวัคซีนแล้ว 77.65 ล้านโดส

แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงฯกรมควบคุมโรค รายงานตัวเลขสถานการณ์ประจำวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,148 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยใหม่ 7,543 ราย ติดจากเรือนจำ 605 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 1,951,572 ราย รักษาอยู่ 97,480 ราย รักษาในโรงพยาบาล 42,813 ราย และโรงพยาบาลสนาม 54,657 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,118 ราย และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 461 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1,834,730 ราย หายเพิ่ม 8,238 ราย เสียชีวิตใหม่ 80 ราย รวมเสียชีวิต 19,542 คน โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นผู้ป่วยชาย 29 ราย ผู้ป่วยหญิง 51 ราย เป็นชาวไทย 79 ราย, เมียนมา 1 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 14 ราย, ปริมณฑล 7 ราย, ภาคเหนือ 7 ราย, ภาคใต้ 23 ราย, ภาคอีสาน 6 ราย และภาคตะวันออก 23 ราย

ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,415 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 15 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุก/โรงงานและในชุมชน 113 ราย ค้นหาเชิงรุกในเรือนจำ 605 ราย 10 อันดับจังหวัดผู้ป่วยมาก กรุงเทพมหานคร 721 ราย , สงขลา 498 ราย , ปัตตานี 427 ราย , เชียงใหม่ 403 ราย , ยะลา 375 ราย, ชลบุรี 348 ราย, นครศรีธรรมราช 249 ราย , สมุทรปราการ 244 ราย, นราธิวาส 213 ราย และตรัง 205 ราย
ทั้งนี้ แนวโน้มทั่วประเทสประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 67 จังหวัดรวม 4,766 คน, สี่จังหวัดชายแดนใต้ 1,513 คน, กรุงเทพและปริมณฑล 1,249 คน

สำหรับ ยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 77,656,124 โดส สะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 43,403,391 ราย เพิ่มขึ้น 290,603 ราย เข็มที่สองจำนวน 32,726,021 ราย เพิ่มขึ้น 502,554 ราย และเข็มที่สามสะสมจำนวน 2,526,712 ราย เพิ่มขึ้น 31,493 ราย

 

ศบค.ยืนยันไม่มีคลัสเตอร์โรงเรียนมุกดาหาร นักท่องเที่ยวเปิดประเทศ ตรวจพบเชื้อแล้ว 10 ราย กำชับเข้มงวดตรวจสอบทุกขั้นตอน ยังห่วงกิจกรรมเสี่ยง คุมเข้มขายแอลกอฮอล์

แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงฯกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การแพร่ระบาดในสถานศึกษา ที่โรงเรียนมัธยม โรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรค์ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีการรายงานการตรวจ ATK ให้กับนักเรียน พบว่าขณะนี้ในพื้นที่โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดผู้ตรวจ ศึกษาธิการเขต 11 ได้ลงไปติดตามกำกับและตรวจ RT-PCR ในผู้ที่มีผล ATK เป็นบวก แต่มีผล RT- PCR เป็นลบ ขณะนี้ได้กลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้ว

ขณะที่การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย มีนักท่องเที่ยวเข้าที่สุวรรณภูมิจำนวน 2,086 คน แบ่งเป็น Test and go จำนวน 1,864 คน, Sandbox 88 คน, Quarantine 134 คน แบ่งเป็น Quarantine 7 วัน 32 คน และ Quarantine 10 วัน 102 คน แต่หากรวมทุกท่าอากาศยาน ยอดผู้เดินทางเข้าทางอากาศทั้งสิ้น 13,397 คน แบ่งเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 9,210 คน ท่าอากาศยานภูเก็ต 4,005 คน และท่าอากาศยานสมุย 182 คน โดยเมื่อตรวจเชื้อ พบว่าติดเชื้อ 10 ราย โดยคิดเป็นอัตรา 0.075 เปอร์เซ็นต์ จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด

ขณะที่การได้รับวัคซีนในพื้นที่สีฟ้าหรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกอยู่ที่ร้อยละ 87.9 แต่ยังมีอีก 1 จังหวัด ที่มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 น้อยกว่า 50% คือ หนองคาย โดยเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ที่ร้อยละ 74.1 โดยขอให้กลุ่มเสี่ยงรับการฉีดวัคซีนให้ได้เกินกว่าร้อยละ 80 เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมศปก.ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงเรื่องการดำเนินงานในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในช่วงที่มีการผ่อนคลายประเทศ โดยมีการประชุมร่วมกับหลายภาคส่วนทั้งกรุงเทพมหานครและภาคเอกชน เช่นสมาคมภัตตาคารไทยหรือสมาคมผู้ค้าปลีก โดยขอเร่งรัดให้ร้านค้า สถานประกอบการ ร้านอาหาร ทำความเข้าใจและสร้างความร่วมมือให้สามารถดำเนินการภายใต้มาตรการสาธารณสุข หรือมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ พร้อมกับมีการตรวจเชิงรุกและฉีดวัคซีนให้กับพนักงานที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อยกระดับสถานประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเพื่อให้มีความพร้อมในการรองรับการผ่อนคลายมาตรการอื่นๆที่จะตามมา

นอกจากนี้การอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ขอให้เจ้าของกิจการและสถานประกอบการทั้งหมดช่วยดำเนินการภายใต้มาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ตามเวลาที่ได้จำกัดไว้ ซึ่งทางศปก.ศบค.จะมีการประเมินสถานการณ์ทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้สามารถผ่อนคลายในระยะต่อไปได้สำเร็จ และประชาชนมีความปลอดภัย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube