fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไทยมีโอกาสทำตลาดโรมาเนีย

Featured Image
“DITP” เผย เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทยมีโอกาสทำตลาดในโรมาเนีย

 

 

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถึงโอกาสในการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำในตลาดโรมาเนีย ที่ขณะนี้มีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำดื่มบรรจุขวด น้ำอัดลม น้ำผลไม้ กาแฟพร้อมดื่ม ชาพร้อมดื่ม เครื่องชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา

 

 

 

โดยน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำอัดลมยังเป็นตัวเลือกเครื่องดื่มยอดนิยมในโรมาเนีย แต่ผลกระทบจากราคาพลังงานที่กระทบต่อต้นทุนสินค้าและราคาขาย ทำให้น้ำอัดลมที่มีราคาสูง เริ่มไม่เป็นที่นิยม ขณะที่เครื่องดื่มชูกำลังแบบน้ำตาลน้อย น้ำดื่มผสมวิตามินประเภท Functional Drink เครื่องดื่มเกลือแร่ และน้ำผลไม้ 100% เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าหากจะต้องจ่ายมากขึ้นแล้วก็จะเลือกสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน อีกทั้งผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและตระหนักถึงผลกระทบของการเลือกบริโภคที่มีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะเดียวกัน

 

 

 

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลโรมาเนียได้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับกลุ่มธุรกิจ HoReCa เช่น โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจจัดเลี้ยง จาก 5% เป็น 9% ส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีรสหวานที่จำหน่ายโดยผู้ประกอบการธุรกิจ HoReCa มีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหันไปผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำตาลต่ำหรือปราศจากน้ำตาล

 

 

 

เครื่องดื่มเสริมเกลือแร่ เครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น และตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต้องเก็บค่าธรรมเนียมมัดจำขวดเครื่องดื่มพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และกระป๋องเครื่องดื่มที่ทำจากอะลูมิเนียมในอัตรา 0.50 เลย์ (ประมาณ 0.1 ยูโร หรือ 3.75 บาท) ต่อเครื่องดื่ม 1 ขวดหรือ 1 ใบ ซึ่งจะกระทบต่อราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 เลย์ต่อสินค้าเครื่องดื่ม 1 รายการ

 

 

 

 

 

 

 

และจากแนวโน้มความต้องการเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโรมาเนียดังกล่าว กรมฯ มองว่า เป็นโอกาสทางการค้าที่น่าสนใจสำหรับสินค้าไทย ประเภทเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำชา น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่จะเข้าไปทดลองทำตลาดโรมาเนีย แต่ในการเข้าสู่ตลาด ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนพิจารณาส่งออกมายังโรมาเนีย เช่น ระเบียบทั่วไปว่าด้วยอาหาร ของสหภาพยุโรป ระเบียบว่าด้วยฉลากสินค้าอาหาร ระเบียบว่าด้วยบรรจุภัณฑ์ และของเสียที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

 

 

 

อกจากนี้ ต้องศึกษาด้านอัตราภาษี โดยผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนอยู่ภายใต้พิกัดศุลกากรประเภทใด แล้วนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบอัตราศุลกากรในเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ โรมาเนียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป จึงจะใช้อัตราอากรเหมือนกันกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ทว่าจะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศโรมาเนียกำหนด VAT สินค้าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็น 19% ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube