fbpx
Home
|
อาชญากรรม

จับตาคืนเก้าอี้บิ๊กโจ๊กนายกฯถกก.ตร.ศุกร์นี้

Featured Image
นายกฯ ถก ก.ตร. ศุกร์นี้ จับตาเปิดทางคืนเก้าอี้ “บิ๊กโจ๊ก” หลังถูกส่งกลับมาเป็นตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ตร.

ว่า ตาม กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการโอนข้าราชการซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ หรือการโอนพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2547 ข้อ 4 ให้ผู้บังคับบัญชาหัวหน้าหน่วยงานที่มีผู้ยื่นคำขอโอน พิจารณารับโอนโดยคำนึงถึงอายุตัว อายุราชการ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ความชำนาญของผู้ขอโอนเปรียบเทียบกับข้าราชการตำรวจผู้รับราชการในหน่วยงาน และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการรับโอนผู้นั้นมารับราชการทางสังกัดแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ ให้เสนอตำแหน่ง ชั้นยศ และอัตราเงินเดือน ที่จะใช้รองรับการโอนพร้อมทั้งรวบรวมรายละเอียดข้อมูล หลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับประวัติการรับราชการ และประวัติส่วนตัว หน้าที่การงานของตำแหน่งที่จะรับโอนเหตุผลความจำเป็นที่ต้องรับดอน ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา

ตามขั้นตอนสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องส่งเรื่องมาให้สำนักงานกำลังพล ตร. ประมวลเรื่องเสนอให้ ผบ.ตร. พิจารณา ว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีคุณสมบัติจะกลับมาดำรงตำแหน่งใด หากไม่มีเก้าอี้ว่าง ผบ.ตร. ต้องเสนอ ก.ตร. ขอกำหนดตำแหน่ง

จากนั้นชงเรื่องให้ ก.ต.ช. เห็นชอบ และส่งเรื่องกลับมาให้ ก.ตร. แต่งตั้งตัวบุคคล จากนั้นส่งเรื่องให้มีพระบรมโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โอนย้ายจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอน สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมคือ ผู้บัญชาการ หรือตำแหน่งเทียบเท่า หรือในตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยมีกระแสว่าอาจจะมีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปพร้อมกันในวาระเมษายน ซึ่งจะมีเก้าอี้ว่างหลายตำแหน่ง

ล่าสุดวันศุกร์ ที่ 12 มีนาคมนี้เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานนัดประชุม ก.ตร.โดยมีวาระสำคัญ เรื่องความเห็นของคณะกรรมการวินิจฉัย ชี้ขาดการเทียบตำแหน่ง เกี่ยวกับระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เทียบเท่าอธิบดี พ.ศ.2563 ด้วย

 

ประวิตร

พล.อ.ประวิตร ไม่รู้”สุรเชษฐ์” กลับ ตร.เป็นเรื่องของนายกฯ ทุกอย่างเป็นไปตาม”วิษณุ”ชี้แจง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งย้ายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปรับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การถูกย้ายกลับไป ตร. ก็เป็นเรื่องของเจ้าตัว ที่ผ่านมาเคยทำงานด้วยกันมาก่อน ก็รู้จักกัน ก็แล้วแต่

และเมื่อถามว่า ถือเป็นการคืนความเป็นธรรม ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ว่า เป็นเรื่องระหว่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กับนายกรัฐมนตรี ตนเองไม่รู้ ส่วนรายละเอียดนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ ไปแล้ว

 

 

บิ๊กโจ๊กคือใคร

พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์)

สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล โรงเรียนกลับเพชรศึกษา ซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้
สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม โรงเรียนวิเชียรชม
สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ
และโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31
ระดับชั้นปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต
สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47
ระดับปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบันฑิต สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล
และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาเอก สังคมศาสตร์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล

สุรเชษฐ์ เริ่มรับราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 จนได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเป็นสารวัตรในกองวินัย ต่อมาเป็นสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
และสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 3 จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545
จนได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
และเป็นผู้ช่วยนายเวรตำรวจราชสำนักประจำให้กับ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

เป็นอดีต ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)
และผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว
รองผู้บังคับการจังหวัดสงขลา
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา
และผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งปัจจุบัน เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562

ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย

จนวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ถูกเพิ่มรายชื่อในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เพื่อได้รับการตรวจสอบ จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เนื่องด้วยมีมูลกรณี เมื่อถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2563 เกิดเหตุรถยนต์ส่วนตัว ของ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ถูกยิง ณ บริเวณถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. โดยในขณะนั้น พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไม่ได้อยู่ภายในรถ

ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าคำสั่งนี้ออกมาเนื่องจากมีการร้องเรียน จึงต้องเตือนไว้ก่อน

กระทั่ง ล่าสุดที่มีกระแสข่าวออกมาอย่างหนาหูกันว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

ยิ่งยศ บิ๊กโจ๊ก

โฆษก ตร. ตอบไม่ชัด “บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็คนั่ง ผช.ผบ.ตร.

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( โฆษก ตร.) เปิดเผยว่าสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือที่ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 เห็นชอบให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จริง

โดยหนังสือดังกล่าวมาถึง ตร.เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ทางสำนักกำลังพล ตร. ก็จะมีการพิจารณาเรื่องตำแหน่งและประมวลเรื่องให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ ส่วนเหตุผลที่ระบุในหนังสือดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นไปตามระบบบริหารราชการปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารกระทรวง ทบวงกรมต่างๆให้เกิดประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้นจึงมีหนังสือดังกล่าว

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าสำหรับการประชุม ก.ตร. ในวันศุกร์ ที่ 12 มีนาคมนี้ เบื้องต้น ยังไม่เห็นวาระเรื่องดังกล่าว ส่วน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะกลับมานั่งในตำแหน่งผู้บัญชาการ (ผบช.) หรือ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผช.ผบ.ตร.) ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ตามหลักแล้วไม่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิม ส่วนจะแต่งตั้งให้แล้วเสร็จวาระเดือนเมษายนนี้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้เช่นกัน

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube