เลขา ป.ป.ส. โชว์ 2 เคส รวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมเฮโรอีน 48 กิโลกรัม และยึดพัสดุ ซุกซ่อนคีตามีน 1.7 กิโลกรัม ปลายทางไต้หวัน
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานจากศุลกากรฮ่องกง พบว่าในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ศุลกากรฮ่องกง แถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมเฮโรอีน 48 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกระเป๋าผ้าปักลายชาวเขา จำนวน 124 ใบ บรรจุในกล่องกระดาษสีน้ำตาล เหตุเกิด ในพื้นที่เมืองฮ่องกง เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงจึงสืบสวนขยายผล ตรวจสอบพบข้อมูลระบุว่ามีจัดส่งพัสดุมาจากประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ประสานศุลกากรประเทศไทย
ตรวจสอบเลขพัสดุดังกล่าว พบว่ามีการสำแดงสินค้าเป็นผัก ผลไม้ ซึ่งนำเข้า- ส่งออก ฮ่องกงเป็นประจำ ต่อมาอีกคดี วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ชุดปฏิบัติการ AITF ตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศ พร้อม คีตามีน 1.7 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกระเป๋าผ้าปักลายชาวเขา เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน เหตุเกิดที่ บริษัทขนส่งเอกชน แห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยไม่แจ้งข้อมูลผู้รับปลายทาง
นายวิชัย กล่าวว่า ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ประสานข้อมูลกับ ศุลกากรฮ่องกง และกรมสอบสวน กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน (Ministry of Justice Investigation Bureau : MJIB) เกี่ยวกับคดีการจับกุม ตรวจยึดยาเสพติด ทั้ง 2 คดี เนื่องจากพบว่า มีลักษณะการซุกซ่อนซุกซ่อนในกระเป๋าผ้าปักลายชาวเขาเหมือนกัน เพื่อขยายผลเกี่ยวกับผู้รับ-ผู้ส่ง เพื่อร่วมกันสืบสวนขยายผลถึงผู้ส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติด รวมทั้งประสาน ศุลกากรฮ่องกง และ MJIB ในการสืบสวนขยายผลผู้รับปลายทาง
ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคีทั้งภายในและภายนอกประเทศ ได้มีการบูรณาการทางด้านการข่าว และการสืบสวนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ในการสกัดกั้นยาเสพติดลักลอบเลียงยาเสพติดโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ไปยังปลายทางประเทศที่สามซึ่งปัจจุบันเครือข่ายการค้ายาเสพติดข้ามชาติยังคงมี ความเคลื่อนไหว และพยายามลักลอบจัดส่งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายผลหาบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อเป็นการตัดวงจรการค้ายาเสพติดระดับข้ามชาติทั้งเครือข่ายทั้งหมดสิ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
