สธ.เผย กลุ่มเด็กนร.ติดโควิดมากขึ้น ชี้ เข็ม2 กันโอไมครอนไม่ได้ เร่งระดมฉีดเข็ม3 แก่ปชช.
วันนี้ (7 ก.พ. 65) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทนงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ร่วมกับ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา ร่วมแถลงการณ์กรณี สถานการณ์โควิด-19 และผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 จากการใช้จริง
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า วันนี้จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบและผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจยังคงมีจำนวนคงตัว ส่วนผู้เสียชีวิตมีรายงานน้อยลง ซึ่งมี 12 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ทั้งหมด และยังไม่ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการฉีดเข็มที่ 3 เพื่อป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิต
โดยจากการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนมกราคม พบว่าในกลุ่มเด็กแรกเกิดอายุ 0-9 ปี และ 10-19 ปี มีจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อเริ่มระบาดในกลุ่มเด็กนักเรียน โดยในวันนี้กลุ่มเด็ก 0-9 ปี อยู่ที่ 10.4% เห็นได้ว่ามีการระบาดในกลุ่มเด็กเล็กมากขึ้น ส่วนมากในกลุ่มนักเรียนจะมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ซึ่งตอนนี้ก็มีการเร่งฉีดวัคซีนแก่เด็กอายุ5 ขวบขึ้นไป ส่วนกลุ่มอายุ 10-19 มีเปอร์เซ็นต์ติดเชื้ออยู่ที่ 13.2% ส่วนปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการสัมผัสผู้ใกล้ชิด 47.3 % และเดินทางไปในสถานที่เสี่ยง 48.8% แต่อย่างไรก็ตาม นพ.จักรรัฐยืนยันว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์
สำหรับผลการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 จากการใช้งานจริงว่าจากข้อมูลในระดับประเทศ เดือน ก.ค.-ธ.ค. ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเจอการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ประสิทธิผลการป้องกันของผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จะเพิ่มประสิทธิภาพของการป้องกันการติดเชื้อสูงขึ้น โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 94% และป้องกันการป่วยหนัก-เสียชีวิตได้ 98% ซึ่งเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ที่ 65% และป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิต ได้ 88% แสดงให้ว่า การฉีดวัคซีน 2 เข็มยังกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้อยู่แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ จึงจำเป็นที่ต้องฉีดเข็ม3เพื่อป้องกันโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอน
นอกจากนี้ จากการประเมินผลวัคซีนทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็ม เมื่อเวลาผ่านไปประสิทธิผลการป้องกันจะลดลง จากการวัดผลเมื่อเดือนก.ค. สามารถป้องกันได้ 81% แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเดือน ธค. ประสิทธิผลการป้องกันลดลงเหลือเพียง 50% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ การป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิตยังสามารถป้องกันได้ดีอยู่ ซึ่งลดลงเหลือเพียง 79% เท่านั้น ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าวัคซีน 2 เข็มสามารถป้องกันการติดเชื้อได้แค่ช่วงแรกเท่านั้น จากนั้นประสิทธิผลจะลดลงตามเวลา ในขณะที่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างสูงสุดต่อเนื่องเกิน 90% เสมอ
ทั้งนี้การฉีดวัคซีน 2 เข็ม ยังไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ต้องได้รับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 หรือเข็มที่ 4 ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงควบคุมการแพร่ระบาด อีกทั้งมาตรการการฉีดวัคซีนยังคงเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ จึงมีความสำคัญอย่างมากในการเร่งระดมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
