fbpx
Home
|
ไลฟ์สไตล์

โรคกลัวรู Trypophobia เห็นรูแล้วขยะแขยง ไม่กล้ามอง

Featured Image

          โรคกลัวรู (Trypophobia) เป็นอีกโรคที่คนเราอาจจะเป็นโดยไม่รู้ตัว บางคนอาจจะเคยมองอะไรที่เป็นรูเยอะๆ แล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา รู้สึกใจสั่น ไม่กล้ามอง วันนี้มาทำความรู้จักโรคนี้ให้เยอะขึ้นกันดีกว่า ว่าโรคนี้คืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร และควรที่จะรับมืออย่างไรดี 

โรคกลัวรู (Trypophobia) คืออะไร 

          เป็นภาวะที่เรารู้สึกกลัว เกลียด ขยะแขยง ไม่สบายใจที่จะมอง พื้นผิวของวัตถุที่มีลักษณะเป็นรู เป็นหลุม เป็นช่องกลมๆ มีจุดที่รวมตัวกันเยอะๆ 

          ของพวกนี้อาจจะเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น รังผึ้ง ฝักเม็ดบัว ปะการัง ฟองน้ำ สตรอว์เบอร์รี ฟองสบู่ ไข่มุก เมล็ดทับทิม ผิวหนังของสัตว์ หรือภาพที่คนทำขึ้นมา 

อาการของโรคกลัวรู

  • ขนลุกเวลามอง
  • รู้สึกไม่สบายตา ไม่กล้ามอง
  • คลื่นไส้
  • กลัวที่จะมอง
  • เสียขวัญ 
  • ขยะแขยง 

กลัวรู อาจจะไม่ได้เป็นโรค

          มีงานวิจัยและแพทย์หลายคนอธิบายว่า อาจจะไม่ได้จัดว่าเป็นความกลัว เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว เพราะดูจริงๆ แล้วรูพวกนั้น มันก็ไม่ได้ส่งผลอันตราย มันเป็นความรู้สึกขยะแขยง ไม่กล้าที่จะมองมากกว่า 

          ทางสมาคมจิตแพทย์ของอเมริกาก็ให้ความเห็นว่ามันไม่ใช่ความกลัวอย่างเป็นทางการ และต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม

กลัวรู เกิดจากอะไรได้บ้าง

  • เคยมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีในอดีตเกี่ยวกับวัตถุที่มีรู
  • มีความผิดปกติทางสมอง หรือการทำงานของสมองเปลี่ยนไป
  • อาจมีความเกี่ยวเนื่องกับโรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวล
  • พฤติกรรมการเรียนรู้บางอย่าง 

หากรู้สึกมีอาการ ควรจะรับมืออย่างไรดี

  • ทำกิจกรรมที่ทำให้เราผ่อนคลาย ลดความเครียดได้
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • อาจจะลองฝึกมองหรือเข้าใกล้สิ่งที่กลัว
  • ปรึกษาจิตแพทย์ เข้ารับการบำบัด 

          สำหรับตัวผู้เขียนเองก็มีคนรอบตัวที่เป็นเยอะเหมือนกัน แต่ทุกคนก็บอกว่าไม่ถึงกับกลัว แค่รู้สึกคลื่นไส้ ขยะแขยงมากกว่า และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องอินเทรนด์ สามารถติดตามบทความสุขภาพดีๆหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

ขอขอบคุณข้อมูล 

healthline

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube