ไทยกัมพูชา แค่ลงนามสันติภาพ สบายใจได้ ยังไม่เปิดด่าน
ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่เป็นผลจาการสะสมมาจากหลายเหตุการณ์ จนงลุกลามเป็นการปะทะด้วยอาวุธในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ก่อนที่จะมีการเจรจาหยุดยิง ภายใต้กรอบเงื่อนไขต่างๆ
จนในที่สุด มีการลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน แต่จีนในฐานะคนกลาง ในวันเจรจาหยุดยิงหายไป ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมี “ทรัมป์” แต่ไม่มีจีน รวมถึงมีคำถามจากประชาชนชายแดนว่า ท้ายที่สุดแล้ว จะมีการสร้างรั้ว สร้างกำแพง หรือเปิดด่านกันอย่างไร
นายกฯอนุทิน ชาญวีรกุล ยืนยันทั้งก่อน และหลังลงนามว่า “ข้อตกลงนี้ ไม่ใช่สัญญาสงบศึก แต่เป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างสันติภาพไทยกัมพูชา ยังไม่มีการเปิดด่านในทันที ไม่เสียดินแดน ไม่ใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และคล้อยหลังการลงนามไม่กี่ชั่วโมง
ฝั่งกัมพูชา ของนายกฯฮุน มาเนต ก็ออกแอคชั่น โดยเพจเฟซบุ๊ก ของ”สมเด็จ ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ถ่ายทอดสดจากสำนักข่าว “Fresh News” ถึงการปรับกำลัง และถอนอาวุธหนัก ระยะแรกของกัมพูชา ออกจากชายแดนจังหวัดพระวิหาร และอีกหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างภาพทำตามข้อตกลงทันที
“สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าข้อตกลง จะลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนได้ และหวังว่าจะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง-จริงใจ ส่วนกระบวนปล่อยตัวเชลยศึกนั้น ไทยจะพิจารณา เมื่อฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามขั้นตอน และย้ำว่าในข้อตกลงไม่มีเรื่องการเปิดด่าน
ขณะที่”สิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ”โฆษกรัฐบาล ย้ำอีกรอบว่า กัมพูชาต้องดำเนินการทั้ง 4 ข้อให้เสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น 2 ประเทศ จึงจะพิจารณายุติสถานะความเป็นปรปักษ์อย่างเป็นทางการ และจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการ ปล่อยเชลยศึก จากนั้นจึงจะเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้านอย่างเต็มรูปแบบ
นักวิชาการหลายคน มองว่า ข้อตกลงระหว่างไทย กับ กัมพูชา ครั้งนี้ มีความคุ้มค่า ได้เปรียบการทูต พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์รัฐสันติภาพ และสามารถใช้นานาชาติบีบกัมพูชาได้ ตลอดจนสามารถ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ จากรับเป็นรุก ทำให้ไทยไม่เสียเปรียบในเวทีโลก
แต่ขณะเดียวกัน “พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา” สมาชิกวุฒิสภา ระบุ ต้องไม่ไว้วางใจกัมพูชา เราต้องมีการตรวจสอบ เพื่อยืนยันข่าว อาจจะถอนเพื่อเป็นภาพข่าวหรือไม่ ถอนจริงไหม คืออย่าไปไว้วางใจเต็มที่ พร้อมมั่นใจทหารในพื้นที่ ดูแลอยู่น่าจะไม่เสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม ฉากทัศน์ หลังจากนี้ ระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังคงมีความน่าสนใจ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ ของ 2 ประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องไม่ลืมว่า การสู้รบ ครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลจากการสั่งสมของความขัดแย้งในหลายมิติ พื้นที่ชายแดน ศิลปวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และความสัมพันธ์ทางการทูต
จนพัฒนาเป็นสงคราม ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ก่อนที่สองฝ่าย จะยอมเปิดเจรจา มีการหยุดยิง แต่ปัญหาในทุกเรื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข มีข้อตกลงสันติภาพแล้ว ก็ยังไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าสันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ในระยะเวลาอันสั้นนี้ ….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
