ป่วยทิพย์ ชั้น 14 “ทักษิณ” ยังไม่จบ… ใครจะเข้าคุกรายต่อไป
“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 17 ปี
เดิมทีมีโทษต้องจำคุก 3 คดี ประกอบด้วย
1.)คดีเอกซิมแบงก์ อนุมัติปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านให้เมียนมา เอื้อประโยชน์ “ชินคอร์ปอเรชั่น” ศาลฎีกาฯ พิพากษาเมื่อ 23 เม.ย. 2562 ให้จำคุก 3 ปี,
2.) คดีทุจริตสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว”หวยบนดิน” ศาลฎีกาฯ พิพากษาเมื่อ 6 มิ.ย. 2562ให้จำคุก 2 ปี ซึ่ง 2 คดีแรก ศาลให้นับโทษซ้อนกัน รวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี
3.) คดีให้นอมินีถือหุ้น “ชินคอร์ปอเรชั่น” เข้าไปมีส่วนได้เสีย ในกิจการโทรคมนาคม ศาลฎีกาฯ พิพากษา เมื่อ 30 ก.ค. 2563 ให้จำคุก 5 ปี รวม 3 คดี 8 ปี
แต่เมื่อกลับประเทศ 22 ส.ค. 2566 เข้าเรือนจำไปแค่ ครึ่งคืน ก็ถูกส่งตัวไปอยู่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยใช้กระบวนการตุกติกทางการแพทย์ ผสมโรงกับช่องโหว่ทางกฏหมาย และความไร้สำนึกรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่บางคน ก่อนมีการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา และได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี แต่การที่ “ทักษิณ” พักรักษาตัว ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ นานร่วม 6 เดือน
โดยไม่กลับเข้าเรือนจำเลย และได้รับการพักโทษปล่อยตัวกลับบ้านจันร์ส่องหล้า ในเวลาต่อมา จึงเป็นที่มาของคดีประวัติศาสตร์
ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หยิบยกเอาคดีการบังคับโทษของ”ทักษิณ” ว่าเป็นไปตามหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้หรือไม่ จึงมีการนัดไต่สวนในคดีชั้น 14 รวม 7 นัด พยาน 31 ปาก ก่อนมีคำตัดสิน “การบังคับโทษจำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระบวนการบังคับโทษ รวมทั้งการพักการลงโทษ จึงไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่อาจนำเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ มาหักเป็นวันคุมขังได้ จำเลยจึงต้องรับโทษจำคุก อีก 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ”
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ “ทักษิณ” ต้องกลับไปใช้ชีวิตในเรือนจำอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็โพสต์ข้อความยอมรับ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยล่าสุด ก็อยู่ในเรือนจำครบ 5 วันแล้ว เริ่มให้ญาติมาเยี่ยมได้ ตั้งแต่วันจันทร์ นี้เป็นต้นไป
“คดีชั้น 14″ ของตัว”ทักษิณ” นั้นถือว่าสิ้นสุด เจ้าตัวกลับไปรับโทษ แต่คดีของคนอื่น ในขบวนการช่วยเหลือ ที่ ปปช.รับเรื่องสอบไว้แล้ว จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีคำวินิจฉัยของศาลฏีกาฯ
เป็นสารตั้งต้น โดย 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้จะโดนเชือดสังเวย “ชั้น 14” อีกวันไหน
ประกอบ “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์, “สิทธิ สุธีวงศ์” อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, “ชาญ วชิรเดช” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, “นิสที ทองปลาด” ผู้ช่วยกรุงเทพมหานครด้านความมั่นคง, พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผบ.รร.แพทย์ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิการณ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ,พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี แพทย์ สบ. 5 รพ.ตำรวจ
และ เลขาฯคณะกรรมการแพทย์, พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ แพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้อนุมัติความเห็นแพทย์, นพ.วัฒนชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.กองการแพทย์ กรมราชทัณฑ์, พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจรักษา รพ.มหาราชนครเชียงใหม่,สัญญา วงศ์หินกอง พัศดีเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และ ธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลวิชาชีพ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. คือกลุ่มที่ต่อสู้ เรียกร้องให้เอาผิดกับ”ทักษิณ” จนมีการนำตัวกลับเข้าเรือนจำได้ และสมควรที่จะได้รับคำชื่นชมในครั้งนี้ แต่ “พิชิต ไชยมงคล” แกนนำ คปท. ระบุว่า ภาระกิจยังไม่จบ โดยขอเรียกร้องไปยัง ปปช. ให้เร่งดำเนินการ เอาผิดขบวนการ ช่วย “ทักษิณ” เริ่มจาก “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิด มาตรา 157, เร่งสรุปสำนวนและฟ้องร้องข้าราชการ 12 คน
รวมถึงยังให้ดำเนินคดีต่อ “ทักษิณ”เพิ่มเติมในฐานะเป็น “ตัวการหรือผู้สนับสนุน” ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย “คดีชั้น 14 ทักษิณ” ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์จริง ๆ และเป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่า ความยุติธรรมมีจริง คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจนเพียงอย่างเดียว…
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





