วิบากกรรม “แพทองธาร” หลัง “ทักษิณ” เข้าเรือนจำ
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ การเมืองพลิกผันรวดเร็วมาก “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นตำแหน่งนายกฯ เมื่อ 29 ส.ค. จากนั้น 3 พรรคการเมืองใหญ่ ขยับต่อรองกันสุดฤทธิ์ ก่อนที่ 5 กย.โหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ได้ “อนุทิน ชาญวีรกุล” ขึ้นเป็น สร.1 คนที่ 32 ของไทย
พรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลเดิม ต้องกลายเป็นฝ่ายค้านแบบ ไม่เต็มใจ ส่วนพรรคประชาชน ฝ่ายค้านเดิม ก็ไม่ยอมเป็นรัฐบาล แม้จะเทคะแนนเสียงให้ “ภูมิใจไทย” ตามข้อตกลง MOA ที่มีเงื่อนไขต้องยุสภาใน 4 เดือน เพื่อกลับไปสู้กันใหม่ ในสนามเลือกตั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่รอดคดี 112 มาก่อนหน้านี้ กลับไม่รอดต้องเข้าเรือนจำ คดี”ป่วยทิพย์ ชั้น 14″
หลายเหตุการณ์ สะท้อนถึงความเสื่อมถอยของระบอบ”ทักษิณ” อย่างชัดเจน “ฝ่ายแดง” กำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุม และในอีก 4 เดือนข้างหน้า หากมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทย
ที่ยังคงใช้บริการ “แพทองธาร” เป็นหัวหน้าพรรค คงยากที่จะฟื้น เพราะ “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะผู้นำทางการเมืองของตระกูลชิน ในห้วงเวลาที่”ทักษิณ”ไร้ซึ่งอิสรภาพ กำลังถูก”นิติสงคราม” ไล่ล่า เรื่องร้องเรียนในชั้นการไต่สวนของ ปปช. และหน่วยงานอื่นๆ ประมาณ 5 เรื่องใหญ่
กำลังจะกลายเป็นบ่วงใหญ่ถ่วงรั้ง “แพทองธาร” ให้ขยับทำอะไรไม่ได้ เริ่มจาก ผลพวง จากคดีคลิปเสียง ที่ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ ยังมี กรณี “สว.สีน้ำเงิน” เข้าชื่อร้องเรียนว่า “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คดีนี้คาดว่า ป.ป.ช.จะขอคัดคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยไว้ว่า “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯร้ายแรง นำมาประกอบในสำนวนคดีด้วย
ซึ่งคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นที่สุด และผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นเมื่อส่งให้ศาลฏีกานักการเมือง หากตัดสินว่าผิดจริงอีก ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
นอกจากนี้ ยังมี กรณี “อดีต สว. นำโดย “สมชาย แสวงการ” ยื่นต่อกองปราบ ให้สอบสวน “แพทองธาร” ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
และข้อหาความมั่นคง เบื้องต้นกองบัญชาการสอบสวนกลาง ส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. ซึ่งมีอำนาจไต่สวน ดำเนินการต่อแล้ว
คดีต่อมา มีการกล่าวหา “ครม.แพทองธาร” ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีโยกย้ายงบประมาณ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่อจัดทำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากคดีนี้ถึงที่สุด คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ, คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568, สส. และ สว. ที่ลงมติ จะโดนร่างแหไปด้วยทั้งหมด
เรื่องที่ 3 “ตั๋ว PN” ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาท แก่บุคคลในครอบครัวของ ซึ่งฝ่ายค้าน นำโดย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไว้อย่างดุเดือด และยื่น ปปช.สอบต่อ ว่าเข้าข่ายทำ”นิติกรรมอำพราง” หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ 2 หน่วยงาน คือ ปปช.ที่รับเรื่องไว้ไต่สวนแล้ว และกรมสรรพากร ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรชี้ขาด,
เรื่องที่ 4 ก็มาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ รีสอร์ทหรู “เทมส์ วัลลีย์” เขาใหญ่ ถูก “ธีรัจชัย พันธุมาศ” สส.กทม. พรรคประชาชน ขุดหลักฐานมาว่า โฉนดที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ไม่ให้มีการเข้าไปทำประโยชน์ และไม่ให้ออกเอกสารสิทธิใด ๆ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
และ 5 กรณี “สนามกอล์ฟอัลไพน์” จะถูกเพิกถอนโฉนด โดยรัฐจะต้องจ่ายเงินเยียวยา ราว 7.7 พันล้านบาท เบื้องต้น บริษัท อัลไพน์ฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ขอคุ้มครองชั่วคราว และขอให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนที่ดินแล้ว
และอีกกรณี “แพทองธาร”ถือครองหุ้น “อัลไพน์” ภายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ก่อนจะโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่”มารดา” 224.1 ล้านบาท ซึ่งถูก “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบแล้ว และทั้ง 5 เรื่องนี้ อาจทำให้ “แพทองธาร” ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของเพื่อไทย เดินหน้าในทางการเมืองต่อไปค่อนข้างลำบาก
โอกาสในการพลิกฟื้นกลับมาของพรรคเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้งรอบหน้า ที่มีคู่ต่อสู้ทั้ง ฝ่ายน้ำเงิน และส้ม เป็นคู่แข่งสำคัญ ก็กลายเป็นโจทย์ยากแสนสาหัสทันที….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
