Home
|
ภูมิภาค

“อธิการฯ ราชภัฏโคราช” ฟาด “ครม.อิ๊งค์ 2” ไร้คุณภาพ

Featured Image
“อธิการฯ ราชภัฏโคราช” ฟาด “ครม.อิ๊งค์ 2” ไร้คุณภาพ ชี้ ระบบโควตาอุ้มพรรค ทำชาติเจ๊งซ้ำสอง จี้รัฐบาลตั้งคนที่ใช่ หากหวังเห็นประเทศฟื้นจากวิกฤต

 

จากความเคลื่อนไหวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัว ส่งผลให้ต้องมีการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ ถึง 8 ตำแหน่ง มีการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่คาดว่า จะได้พลเอกสุนัย ประภูชะเนย์ หรือ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เข้ามาคุมแทน นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งจะย้ายไปดูแลกระทรวงมหาดไทย

 

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง โยกจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ มีชื่อ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และนายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นแคนดิเดตสำคัญ ส่วนกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คาดว่า จะได้ นายจักรพงษ์ แสงมณี หรือผู้สมัครจากโควต้าพรรคเพื่อไทย

 

รศ.ดร.อดิศร เนาว์นนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโผ ครม.อุ๊งอิ๊ง 2 ว่า “ตนรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อทิศทางการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพราะหากยังคงเดินตาม วิธีคิดแบบโควต้าพรรคการเมืองเหมือนในอดีต ว่า ใครมีเสียงเท่าไหร่ ก็ต้องได้ตำแหน่งเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือคุณภาพของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อแล้ว ประเทศชาติก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรวิกฤต ตนเห็นว่าภาวะปัจจุบันประเทศไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ

 

แต่วิกฤตหนักหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ซบเซา การศึกษาที่ต้องการการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ปัญหาความมั่นคง รวมถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางกับประเทศเพื่อนบ้าน การจัดทีมบริหารประเทศจึงควรคิดบนฐานของ “ชาติเป็นที่ตั้ง” ไม่ใช่ “พรรคการเมืองเป็นใหญ่”

 

ตนอยากเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลกล้าตัดสินใจเสียสละ หันมาหาคนที่มีความรู้ความสามารถจากภายนอก แม้จะไม่ใช่คนในพรรค หรือไม่ใช่นักการเมืองก็ตาม โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจกลไกเศรษฐกิจโลกจริงๆ มีประสบการณ์บริหารในระดับมหภาค ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในระบบพรรคเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ “ผลลัพธ์” ไม่ใช่ “สัดส่วนทางการเมือง”

 

ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งรัฐมนตรีนั้น แม้จะไม่จำเป็นต้องตรงสายงานทุกคน แต่ต้องมีความสามารถในการบริหาร มองภาพกว้างออก มองเชิงระบบได้ และกล้าที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เพียงรู้จักงานบริหารทั่วไป เพราะประเทศต้องการผู้นำที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง

 

โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ตนเองเข้าใจดีว่า ปัจจุบันบุคลากรเก่งๆ ก็ยังมีอยู่มาก แต่คนเหล่านี้หลายคนไม่กล้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะมองว่า เป็นพื้นที่เสี่ยง บางคนถึงขั้นเซ็นเซอร์ตัวเอง หรือปฏิเสธไม่รับตำแหน่งเลย เพราะกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมที่ไม่สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนจึงอยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจ กล้าหาญและยืนอยู่บนหลักคุณธรรม โดยการตั้งคนดี คนเก่งที่ประชาชนยอมรับ เข้ามาบริหารบ้านเมือง แม้จะไม่ใช่พรรคพวกตนก็ตาม

 

ท้ายที่สุด ตนขอฝากว่า การปรับ ครม. รอบนี้ ควรเป็นการ “ปรับเพื่อประชาชน” ไม่ใช่ “ปรับเพื่อพรรค” เพราะหากยังยึดติดกับเกมอำนาจและสัดส่วนโควตา ประเทศไทยจะไม่มีวันเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน และวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่อาจกลายเป็น “หายนะซ้อนหายนะ” ที่ไม่อาจฟื้นกลับได้อีกเลย”

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube