Home
|
ข่าว

“พิชัย” เจรจา7เขตเศรษฐกิจเอเปค ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการค้า-ลงทุน

Featured Image
“พิชัย” เจรจารัฐมนตรีการค้า 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค ที่เปรู ดันไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน-ฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสมัยใหม่ กำชับทีมพาณิชย์เร่งขยายตลาดส่งออก-ดึงดูดนักลงทุน

 

 

 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในห้วงที่ตนนำคณะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 35 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ที่ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตนได้นำคณะกระทรวงพาณิชย์หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีการค้ารวม 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค ได้แก่ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ชิลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน พร้อมเดินหน้าดันไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในภูมิภาค

 

 

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในทีมไทยแลนด์ ตามนโยบายของรัฐบาล ได้นำคณะเข้าหารือกับสมาชิกเอเปค ได้มีโอกาสพบรัฐมนตรีการค้าจากหลายเขตเศรษฐกิจ โดยได้เน้นย้ำว่า ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจกับทุกเขตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเขตเศรษฐกิจ ทั้งฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ต่างก็มองไทยเป็นศูนย์กลางของ Supply chain ด้วยความเหมาะสมด้านสภาพแวดล้อมทางการลงทุนของไทย

 

 

 

ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดี ที่จะมีการขยายการค้าการลงทุนมากขึ้น รวมถึงในด้านสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยได้ผลักดันบทบาทของประเทศในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้กับเขตเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ที่ฮ่องกงยินดีที่จะพิจารณาเพิ่มปริมาณการซื้อข้าวไทย นอกจากนี้ ยังมีอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช รวมถึงผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดฮ่องกงมาอย่างยาวนาน

 

 

 

รมว.พาณิชย์ กล่าวต่ออีกว่า ได้ใช้โอกาสนี้ในการหารือกับออสเตรเลียถึงความสำคัญของตลาดออสเตรเลียที่เป็นตลาดส่งออกยานยนต์ไทยอันดับต้นๆ จึงขอให้ออสเตรเลียพิจารณาใช้มาตรการที่กำหนดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรถยนต์ นำเข้าไปยังออสเตรเลียอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เวลากับภาคอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไทยได้มีเวลาปรับตัวและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

 

 

 

 

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งญี่ปุ่นไปด้วยว่า ไทยพร้อมเข้าร่วมงาน EXPO 2025 OSAKA Kansai ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยรัฐบาลไทย รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการ Thailand Pavilion เพื่อชูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย โดยผสมผสานศาสตร์การแพทย์สมุนไพรไทยกับนวัตกรรมเข้าด้วยกัน ทั้งยังได้แจ้งต่อแคนาดาว่า ยินดีที่แคนาดาจะนำคณะนักธุรกิจ trade mission ขนาดใหญ่มาเยือนไทยในช่วงกลางปีหน้า

 

 

 

ตนยังได้ถือโอกาสเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ทั้งที่ยังเจรจาค้างอยู่ เช่น อาเซียน-แคนาดา ไทย-เกาหลีใต้ และที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติม เช่น ไทย-ชิลี ให้จบโดยเร็ว เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ รวมถึงอำนวยความสะดวก และเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน นอกจากนี้ ได้ผลักดันให้รื้นฟื้นกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ JTC ระดับรัฐมนตรีกับเกาหลีใต้ ที่ห่างหายไปนานกว่า 20 ปีแล้วอีกด้วย

 

“วันนี้สถานการณ์การค้าการลงทุนในไทยกลับมาดีทั้งหมด จีดีพีในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 3% และจากการหารือกับผู้นำใน 7 เขตเศรษฐกิจ ทุกประเทศสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เพราะมองว่าวันนี้ รัฐบาลมีเสถียรภาพแข็งแรง มีความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ และมีการอำนวยความสะดวกนักลงทุนเป็นอย่างดี ตนได้ย้ำกับทีมพาณิชย์

 

 

 

ให้ดำเนินนโยบายแบบพาณิชย์เชิงรุก คือเน้นการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ นักลงทุน เพื่อขยายตลาดการส่งออกสินค้าไทยให้กว้างขวางที่สุด และช่วยกันดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาให้มากที่สุด ตัวเลขจีดีพี ปี 2568 สภาพัฒน์ก็มองว่าดี เพราะจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า ซึ่งตรงนี้กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่โดยตรงที่จะทำให้ตัวเลขเป็นบวกยิ่งกว่าเดิม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube