ทำไม “ลิเวอร์พูล” ถึงยังดึงศักยภาพของ “เวียตซ์” ออกมาได้ไม่เต็มที่
นักกีฬา อาชีพที่ต้องแลกชีวิต ร่างกาย และจิตใจ ไปกับเกมการแข่งขัน ซึ่งค่าตัวเป็นเหมือนสิ่งที่การันตีผลงานของพวกเขา ทว่ามันก็เหมือนเป็นดาบสองคม เมื่อค่าตัวที่สูงมักมาพร้อมแรงกดดันที่มหาศาล
เช่น ผลงานของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ใน 9 นัดแรกกับลิเวอร์พูลนั้น ส่วนใหญ่สรุปตรงกันว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าผิดหวัง
บางคนวิจารณ์แรงกว่านั้น กล่าวว่า “การเซ็นสัญญามูลค่า 116 ล้านปอนด์รายนี้ ทำลายสมดุลของทีมลิเวอร์พูล” และตอนนี้ เวิร์ตซ์ ก็ยังทำประตูกับแอสซิสต์ ให้หงส์แดงไม่ได้ ซึ่งนั่นสะท้อนภาพรวมทั้งหมดแล้วหรือยัง?
ในบทวิเคราะห์นี้ เราจะมาดูกันว่าเขาทำได้ดีแค่ไหน เหตุใดเขายังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ตามที่คาดหวังได้ และลิเวอร์พูลต้องทำยังไงถึงจะรีดศักยภาพของเขาออกมาได้เต็มที่
สไตล์การเล่นของลิเวอร์พูลที่เปลี่ยนไป และบทบาทของแวร์ทซ์
สมดุลของลิเวอร์พูลตอนนี้ยังไม่ลงตัวนัก เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อาร์เน่อ สลอต กุนซือหงส์ ได้ปรับแนวทางการเล่นในฤดูกาลนี้ โดยเน้นการเวียนตำแหน่งระหว่างผู้เล่นหลายคน และพยายามขึ้นเกมตรงกลางสนามด้วยการต่อบอลสั้นและรวดเร็วในพื้นที่แคบ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เวิร์ตซ์จะถูกวางให้เป็นศูนย์กลางเกมรุก ต้องลงมาต่ำเพื่อเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นบทบาทที่แตกต่างจากที่เคยเล่น ซึ่งส่งผลให้เขามีโอกาสในการทำประตูหรือแอสซิสต์น้อยลง
วิธีดึงศักยภาพของเวิร์ตซ์ออกมาให้ได้มากที่สุด
คือการส่งบอลให้เขาในจังหวะที่ยังไม่มีแรงกดดันทันทีจากคู่แข่ง เมื่อเขาสามารถรับบอลในจังหวะ “หันครึ่งตัว” แล้วพาบอลไปข้างหน้า โดยมีระยะห่างระหว่างตัวเขากับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เวิร์ตซ์จะสามารถใช้ท่าหลอกและการเร่งผ่อนความเร็ว เพื่อทำลายแนวรับของคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะจุดที่เวิร์ตซ์อันตรายที่สุดทั้งในการลากเลื้อยและจ่ายบอล คือช่วงเวลาที่เขาได้พาบอลบุกเข้าใส่แนวรับโดยตรงนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายโมเมนต์ที่ดีที่สุดของเวิร์ตซ์ มักเกิดขึ้นในจังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุก การสร้าง “พื้นที่ว่าง” ให้เขา จะให้เวิร์ตซ์สามารถเล่นได้อย่างอิสระ
ความขยันของแวร์ทซ์อาจกลายเป็นดาบสองคม
แม้ความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกจะส่งผลต่อแท็กติก แต่ก็ส่งผลโดยตรงต่อร่างกายด้วย และเวิร์ตซ์จะยังปรับตัวกับจังหวะของลีกนี้ได้ไม่เต็มที่ ในระบบของอาร์เน่อ สลอต ที่เน้นเกมรุกเร็วและการหมุนเวียนตำแหน่ง ลิเวอร์พูลจึงมีผู้เล่นป้องกันน้อยเมื่อเสียบอล ทำให้ผู้เล่นแนวรุกอย่างเวิร์ตซ์ต้องวิ่งไล่เพรสอย่างเต็มที่เมื่อเสียบอล นอกจากนี้ยังต้องถอยลงมาช่วยต่อบอลจากแนวลึก
และสอดขึ้นไปช่วยเกมรุกทั้งฝั่งซ้ายและขวา หน้าที่เหล่านี้ต้องใช้พลังมหาศาล และอาจเป็นสาเหตุให้ฟอร์มของเขาดูดร็อปลงไป
สถิติยังชี้ว่า จากผู้เล่นทั้งหมดในพรีเมียร์ลีกที่ลงเล่นเกิน 400 นาทีในฤดูกาลนี้ เวิร์ตซ์ คือนักเตะที่วิ่งระยะทางต่อ 90 นาทีมากที่สุดเป็นอันดับ 5 และเป็น ผู้เล่นลิเวอร์พูลที่วิ่งมากที่สุดในทีมอีกด้วย
อะไรคือก้าวต่อไปของลิเวอร์พูลและเวิร์ตซ์
การปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่ย่อมต้องใช้เวลา แต่สำหรับนักเตะค่าตัวแพง การถูกคาดหวังให้โชว์ฟอร์มได้ทันทีย่อมต้องแลกด้วยแรงกดดันมหาศาล ดังนั้นการบอกว่าเวิร์ตซ์ “เล่นแย่” คงเป็นคำตัดสินที่เร็วและแรงเกินไป เมื่อคิดจากสิ่งที่เขาทำได้กับทีมลิเวอร์พูลที่ยังไม่ลงตัวเต็มร้อย
สุดท้ายแล้ว เรื่องราวของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้อาจจบลงที่การพยายามหาสมดุลของทีม ก่อนจะค่อยๆปรับบทบาทของเวิร์ตซ์ให้เน้นการดึงจุดแข็งของเขาออกมาให้มากที่สุด แทนที่จะใช้เขาเพียงเพื่อ อุดช่องโหว่ของทีม อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





