หมอยง เผย โควิดสายพันธุ์อินเดีย แพร่ง่าย 1.4 เท่า ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน ชี้ ไทยจำเป็นต้องชะลอแนะปูพรมฉีดวัคซีนที่มีให้ได้มากที่สุด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญ เฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าว Update การระบาดของสายพันธุ์ Delta (อินเดีย) และจะมีผลกระทบต่อการได้รับวัคซีนหรือไม่ โดยจากการตรวจหาเชื้อกว่า 6 พันกว่า พบสายพันธุ์เบต้า 5 พันกว่าราย คิดเป็นร้อยละ 88.93 % และสายพันธุ์เดลต้า(อินเดีย) 664 รายเป็นการเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ถึง 170 กว่าราย
ศ.นพ.ยง กล่าวยอมรับว่าวิวัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงไวรัสเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยในการระบาดระลอกแรกของไทยเป็นสายพันธุ์ที่มาจากประเทศจีน(อู่ฮั่น)ส่วนการระบาดระลอก2 ที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นสายพันธุ์ G ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านและการระบาดระลอก 3 เป็นสายพันธุ์ (เอลฟ่า)อังกฤษ แพร่ระบาดง่ายกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 1.7 เท่า ทำให้การระบาดในไทยช่วงนี้ประมาณ 96-68% เป็นสายพันธุ์อังกฤษ เชื่อว่าระบาดอยู่ประมาณ 4-5 เดือน จากนั้นสายพันธุ์ Delta (อินเดีย)ที่แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อังกฤษประมาณ 1.4 % จะเข้ามาแทนที่ แต่ความรุนแรงของแต่ละสายพันธุ์ไม่ได้รุนแรงขึ้น พร้อมยอมรับว่า ในอีก 4-5 เดือนนี้ สายพันธุ์เดลต้าจะครอบคลุมทั้งหมดรวมทั้งในไทยด้วย สิ่งที่สำคัญคือประสิทธิภาพของวัคซีนซึ่งทุกบริษัทพัฒนามาจากสายพันธุ์ดั่งเดิมคืออู่ฮั่น ดังนั้นเมื่อมาเจอสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไปจึงทำให้ประสิทธิภาพลดลงจนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนที่ล้ำหน้าขึ้นไปทั่วโลกจึงเผชิญกับปัญหาดังกล่าว ส่วนสายพันธุ์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีนน้อยสุดคือสายพันธุ์แอฟริกา หรือ เบต้าการที่สายพันธุ์เบต้าจะระบาดทั่วโลกจึงไม่มาก
ทั้งนี้ สายพันธุ์เดลต้า มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีน โดยมีผลการศึกษาวิจัยของประเทศสก๊อตแลนด์ ที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์และเอสตราเซเนกา พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองลดลงประมาณ 10 % เศษๆและจากการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนเข็มเดียวป้องกันได้แค่ 20 % โดยสิ่งสำคัญที่ไทยต้องดำเนินการตอนนี้คือต้องช่วยกันชะลอการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าให้ได้มากที่สุด แม้จะหยุดยั้งการระบาดไม่ได้แต่ต้องให้เพิ่มน้อยที่สุด ระหว่างนี้ต้องสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สูงด้วยการปูพรมฉีดวัคซีนที่เรามีอยู่ในขณะนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อควบคุมการระบาดในปัจจุบันที่ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษและวัคซีนที่เรามียังมีประสิทธิภาพ
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า สำหรับคนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2เข็มแล้ว การได้รับวัคซีนเข็มที่ 3จะกระตุ้นภูมิต้านทานไวรัสได้มากขึ้น โดยขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังทำการศึกษาว่าจะให้เข็ม 3 ประมาณ 3-6เดือน เพราะเชื่อว่าเข็มที่ 3 ภูมิต้านทานจะสูงขึ้นเกิน 10เท่า แม้จะให้วัคซีนตัวเดิมหรือเอสตราเซเนกา แต่สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยจึงต้องทำการศึกษาให้ดีก่อน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
