สธ. ยัน “แอสตร้าเซนเนก้า” ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียได้ ยกผลศึกษาข้อมูลจากอังกฤษประกอบ ย้ำยังไม่มีรายงานว่าสายพันธุ์อินเดียดื้อต่อวัคซีน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าว กรณีการพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลัสเตอร์หลักสี่ ระบุว่า จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย ในบริเวณที่พักคนงานก่อสร้างย่านหลักสี่ นั้น จากการตรวจสอบพบ เชื้อโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา หรือที่เรียกว่ามีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา จากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
ซึ่งสิ่งที่ให้ความสนใจคือ การกลายพันธุ์แล้วพบการระบาดได้ง่ายขึ้น, กลายพันธุ์แล้วทำให้ความรุนแรงของโรคมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้น และ กลายพันธุ์แล้วทำให้การใช้วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพหรือป้องกันโรคได้ไม่ดี สำหรับสายพันธุ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ จับตาดูอยู่คือสายพันธุ์อังกฤษ, อินเดีย, บราซิล และ แอฟริกาใต้
เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการถอดรหัสพันธุกรรม สายพันธุ์ที่มีการระบาดในไทยขณะนี้ส่วนใหญ่คือสายพันธุ์อังกฤษ แต่ก็ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์อินเดียก็มีการพบในหลายประเทศ เช่นอังกฤษ ส่วนรอบบ้านเรา คือ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ส่วนเมียนมา และกัมพูชา ก็เชื่อได้ว่าอาจจะมีสายพันธุ์อินเดียเช่นกัน เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่ประเทศไทยจะมีสายพันธุ์อินเดียหลุดรอดเข้ามาและมาแพร่ระบาดในไทยได้ก็จะมีการจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ กรณีการพบการระบาดของโรคโควิด-19 ที่แคมป์คนงานที่หลักสี่ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย 15 คน แบ่งเป็น ชาย 7 คน หญิง 8 คน โดยจำนวนนี้ 12 คน เป็นคนงานในแคมป์ ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้สัมผัมโรคร่วมบ้านกับคนในแคมป์คนงาน ทั้งหมดรักษาตัวที่รพ. ส่วนใหญ่อาการน้อย ทั้งนี้จะมีการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยต่อไป
นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลอ้างอิงจากประเทศอังกฤษ ได้รับรายงานว่า สายพันธุ์อังกฤษและสายพันธุ์อินเดีย มีการแพร่กระจายโรคที่ไม่แตกต่างกัน, ยังไม่มีการระบุว่าความรุนแรงของสายพันธุ์อินเดียรุนแรงกว่าสายพันธุ์อังกฤษ รวมถึงยังไม่พบว่าสายพันธุ์อินเดียดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนหลัก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news