Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

“เศรษฐา” โชว์ฝัน “รัฐบาลนิดหนึ่ง”

น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้ 11 และ 12 กันยายน รวมเวลาทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง โดยสส.ฝ่ายค้านได้เวลาซักถาม 14 ชั่วโมง

 

 

และหลังจากนั้น ก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งประชาชนรวมถึงนักลงทุน ก็น่าจะได้เห็นทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้

 

ขณะที่ภาคเอกชนนำโดย ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย “นายสนั่น อังอุบลกุล” บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ภาคเอกชนพร้อมให้โอกาสรัฐบาลใหม่ได้พิสูจน์การทำงานสักระยะ เนื่องจากพึ่งเข้ามารับตำแหน่งเป็นทางการ และเชื่อว่าในปีนี้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม ตามแนวทางทางที่ได้มีการประกาศไว้

 

ซึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 11 -12 ก.ย. จากคำแถลงฯ ที่รัฐบาลเตรียมการไว้และได้มีการเผยแพร่ออกมา ก็ถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับข้อเสนอเร่งด่วนของหอการค้าฯ 3 เรื่องที่ได้เคยนำเสนอไว้ก่อนหน้านี้ ทั้ง

 

1)  การลดราคาพลังงาน ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับภาระค่าครองชีพของประชาชนและเป็นการช่วยลดต้นทุนของภาคเอกชน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้

 

2) การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดขั้นตอนการกรอก e-VISA หรือ Free VISA ให้นักท่องเที่ยว พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน และเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง High Sesson ที่กำลังจะถึงนี้ด้วย

 

3) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่อ และเร่งจัดทำงบประมาณปี 2567 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเดินหน้าโครงการและแผนต่าง ๆ ที่สามารถทำได้ทันที โดยไม่มองข้อจำกัดของงบประมาณ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ ซึ่งส่วนนี้เชื่อว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจของนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างมาก

 

ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ถือเป็นมาตรการไฮไลท์สำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการอัดฉีดเงินไปสู่ประชาชนนั้น หอการค้าฯ หวังว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาสแรกของปี 67 เพื่อเป็นแรงหนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยต่อเนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมหาวิทยาลัยหอการค้าฯ ได้เคยประเมินตัวเลขคราวๆ ว่าจะสามารถหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจได้ 2 – 3 รอบ ราว 1.2-1.5 ล้านล้านบาท ทำให้ GDP ไทยปีหน้าขยายตัวได้ราว 5%

 

และสำหรับช่องทางการแจกเงิน หอการค้าฯ มองว่าหากสามารถนำมาเชื่อมกับระบบเป๋าตังของ กรุงไทยซึ่งมีฐานผู้ใช้งานอยู่แล้วและเคยประสบสำเร็จจากมาตรการคนละครึ่ง ก็จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเงินดิจิตอล 10,000 บาท ได้เร็วขึ้น

 

ด้าน “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ในอดีตนั้น เขาคือ 1 ในคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ต่อที่ประชุมรัฐสภา ทำให้สามารถดำเนินนโยบายต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำงบประมาณปี 2567 ได้ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่จะเกิดขึ้น

 

“ผลดีก็แน่นอน แถลงนโยบายเสร็จ ก็สามรถที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำงบประมาณได้ เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายภาครัฐก็สามารถที่จะทำได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ก็ในแง่นี้ก็น่าจะเป็นผลดี มีความชัดเจนมากขึ้น มีทิศทางที่ทุกคนรู้ว่ารัฐบาลจะมุ่งเน้นไปทางไหน อันไหนทำ อันไหนไม่ทำ ภาคเอกชนเขาคงมีความมั่นใจมากขึ้น ว่ารัฐบาลนี้จะมีนโยบายอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างงั้น เขาก็สามารถที่จะตอบรับได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีสร้างความชัดเจนมากขึ้น”

 

ส่วนความเคลื่อนไหวและจุดสนใจของการประชุม ครม. นัดแรก ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า น่าจะเห็นการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ของของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทย แต่เบื้องต้น น่าจะเป็นมาตราการที่ไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณ เนื่องจากโครงการต่างๆ ที่หาเสียงไว้ยังไม่ถูกบรรจุไว้ในงบประมาณปี 2566 จึงจำเป็นต้องรอการเบิกจ่ายจากงบประมาณปี 2567

 

ทั้งนี้คาดว่ายังต้องใช้เวลาในการจัดทำงบประมาณใหม่ ซึ่งอาจเบิกจ่ายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ดังนั้น มาตรการที่คาดหวังได้จาก การประชุม ครม. นัดแรก น่าจะเป็นเรื่อง ของแนวทางการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การลดราคาน้ำมันดีเซล และ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการแจกเงินสวัสดิการต่างๆ ให้ประชาชนคงต้องรอปีหน้า อาจเป็นไตรมาส 2 ปี 2567 หรือ กลางปี

 

และทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมองทื่เกี่ยวข้องโยงใยกับการการแถลงนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องจับตาดูว่า นโยบายที่ประกาศออกมานั้น จะทำได้หรือไม่ เพราะถ้าทำได้จริง ไม่ได้โม้ คะแนนนิยมรัฐบาลและตัวนายกฯก็จะพุ่งปรี๊ด แต่หากทำไม่ได้ เรทติ้งตกกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube