fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“บิ๊กจ้าว” เผยสาเหตุถังดับเพลิงระเบิด ในร.ร.

Featured Image
“บิ๊กจ้าว” เผยสาเหตุถังดับเพลิงระเบิด เกิดจากอัดแก๊สเพิ่มและไม่มีระบบวาล์วเซฟตี้ ล่าสุด ร.ร. เตรียมปล่อย นร.กลับบ้านเวลา 14.00น.

 

 

วันนี้ (23 มิ.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนผ่านโทรศัพท์ว่า ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กำลังสาธิตการดับเพลิงให้กับนักเรียนและครู ระหว่างนั้นถังดับเพลิงสีแดง หรือถัง CO2 ที่อยู่หลังครูฝึก ที่เตรียมไว้ใช้ในการสาธิตดับเพลิงครั้งต่อไป เกิดระเบิดขึ้นมา ส่งผลให้นักเรียนเสียชีวิตทันที 1 ราย ซึ่งนั่งอยู่หน้าศาลพระภูมิถูกแรงอัดจนร่างกระเด็นจากจุดเกิดเหตุไปไกลประมาณ 10 เมตร

 

 

เบื้องต้นมีรายงานยอดผู้ได้รับบาดเจ็บในเวลา 13.00 น.ทั้งหมด 10 ราย กำลังทยอยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว 6 ราย โดยส่งไปยังโรงพยาบาลกลาง และโรงพยาบาลวชิระพยาบาล ส่วนที่เหลือ 4 รายอยู่ระหว่างประเมินอาการ ส่วนผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นนักเรียนชาย ชั้น ม.6

 

 

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวเพิ่มว่า ขณะนี้ประสานกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ ส่วนผู้เสียชีวิตกำลังรอแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เข้าตรวจสอบ และพนักงานสอบสวนกำลังแยกตัวครูฝึก 7 คน ไปสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแยกครูกับนักเรียนในที่เกิดเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติม

 

 

จากการตรวจสอบพบว่าถังดับเพลิงที่เกิดเหตุ ระเบิดจนตัวถังฉีกขาดจํานวน 1 ถัง และถังดังกล่าวเป็นถังใช้ซ้ำที่ไม่มีระบบวาล์วเซฟตี้ติดตั้งอยู่ เจ้าหน้าที่ พฐ.วิเคราะห์เบื้องต้นคาดว่า ถังดังกล่าวถูกนำไปบรรจุแก๊สเพิ่ม และวางตากแดดเป็นเวลานาน จนอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทำให้แรงดันขยายตัวและระเบิดเนื่องจากไม่มีวาล์วเซฟตี้ติดตั้งอยู่

 

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า เมื่อสักครูทางโรงเรียนได้ประกาศปล่อยนักเรียนกลับบ้าน โดยจะเริ่มต้นแต่เวลา 14.00 น. ซึ่งจะประกาศเรียกตามลําดับชั้น และให้นักเรียนรอผู้ปกครอง บริเวณห้องโสต และโรงอาหารชั้น2

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube