fbpx
Home
|
ข่าว

‘หงส์’แม่นโทษเฉือน’สิงห์’ 11-10 ผงาดแชมป์คาราบาวคัพ

Featured Image
ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์คาราบาว คัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จหลังดวลจุดโทษชนะ เชลซี สุดระทึก 11-10 หลังจากดวล120 นาทีเสมอ 0-0

 

การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2021-22 นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ดวลเดือดกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี

เชลซี มาในระบบ 3-4-2-1 เอ็นโกโล ก็องเต้ ยังคงจำคู่ในแดนกลางกับ มาเตโอ โควาซิช แนวรุก เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ยังได้ออกสตาร์ทหน้าเป้า

ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มยังร้อนแรงต่อเนื่องเกมนี้ใช้ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ลงเฝ้าเสา แผงมิดฟิลด์ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ และ นาบี้ เกอิต้า ที่ได้ลงแทน ติอาโก้ อัลคันทารา ที่บาดเจ็บขณะอบอุ่นร่างกาย ขณะที่แนวรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ หลุยส์ ดิอาซ

ครึ่งแรก นาทีที่ 6 เชลซีได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา ปาดเข้ากลาง คริสเตียน พูลิซิช ปรี่มายิงแต่ ควิวีน เคลเลเฮอร์ เซฟออกไปได้

จากนั้นนาทีที่ 22 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกระยะหวังผล เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เขี่ยให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งหลุดเสาสอง

ถึงนาทีที่ 30 ลิเวอร์พูลน่าขึ้นนำสุดๆ เมื่อ นาบี เกอิตา ยิงไกลเต็มข้อ เอดูอาร์ด เมนดี เซฟออกมาเช้าทาง ซาดิโอ มาเน ตามซ้ำจ่อๆ แต่ เมนดี ก็ยังเซฟออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

นาทีที่ 45 เชลซี โต้กลับเร็ว คริสเตียน พูลิซิช พาบอลลุยขึ้นมา ก่อนจ่ายเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ เปิดเข้ากลาง เมสัน เมาท์ วอลเลย์ด้วยขวาหลุดเสาไม่ถึงคืบ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังเสมอ เชลซี 0-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 49 เชลซีเกือบได้เฮ เมื่อ คริสเตียน พูลิซิช ตักบอลเข้าเขตโทษให้ เมสัน เมาท์ ได้ยิงโล่งๆ บอลชนเสาอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นนาทีที่ 63 ลิเวอร์พูลเกือบได้เหมือนกัน ซาดิโอ มาเน จ่ายให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยว ก่อนยกบอลข้ามตัว เอดูอาร์ด เมนดี บอลไหลจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่กองหลังเชลซีมาช่วยสกัดทิ้งไปได้

 

ถึงนาทีที่ 69 ลิเวอร์พูล ชวดได้ประตู จากจังหวะเล่นลูกสูตรที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ซาดิโอ มาเน โหม่งกระดอนพื้นตั้งไปเสาสองให้ โจเอล มาติป โหม่งเข้าไปตุงตาข่าย แต่สุดท้ายผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์และมองว่ามีการล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

นาทีที่ 74 ลิเวอร์พูล หวิดได้ประตู เมื่อ หลุยส์ ดิอาซ พาบอลกระชากมาซัดในเขตโทษ แต่ เอดูอาร์ด เมนดี ยังเซฟออกไปได้

นาทีที่ 78 เชลซี ชวดได้เฮ จากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ติโม แวร์เนอร์ เปิดเข้ากลาง ไค ฮาเวิร์ตซ์ โหม่งเข้าไป แต่ถูกจับล้ำหน้า

นาทีที่ 90 ลิเวอร์พูลเกือบได้อีกแล้ว ลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเปิดเข้าเขตโทษ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ขึ้นโหม่งเน้นๆ แต่ เอดูอาร์ด เมนดี ยังพุ่งปัดออกไปได้อีก

เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ 90+4 ลิเวอร์พูลเกือบโดน เมื่อ โรเมลู ลูกากู ได้ยิงในเขตโทษ ร้อนถึง ควิวีน เคลเลเฮอร์ ต้องเซฟออกไป

จบ 90 นาที ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกัน 0-0 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลานาที 98 เชลซี ส่งบอลตุงตาข่ายจากจังหวะที่ ลูกากู หลุดเข้าเขตโทษก่อนล็อกหนีผู้เล่น ลิเวอร์พูล แล้วซัดด้วยซ้ายอย่างเฉียบขาด แต่ลูกนี้ ลูกากู ถูกจับล้ำหน้าจึงไม่ได้ประตู

เชลซี ส่งบอลเข้าประตูไปอีกครั้งในนาที 109 เมื่อ ลูกากู เปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษไปถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ จับแล้วยิงเน้นๆ เข้าไป ทว่าลูกนี้ไลน์แมนยกธงล้ำหน้า ทำให้จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ประตู

ก่อนครบ 120 นาที เชลซี เปลี่ยน เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ลงมาแทน เมนดี้ เพื่อเตรียมเซฟจุดโทษซึ่งเกมก็ต้องตัดสินที่จุดโทษจริงๆ หลังเสมอกัน 0-0 ก่อนเป็น ลิเวอร์พูล ที่ยิงได้แม่นยำกว่าเอาชนะไป 11-10 หลังดวลกันครบฝั่งละ 11 คน และคนเดียวที่พลาดคือ เกปา ที่ยิงข้ามคาน ทำให้หงส์แดงคว้าแชมป์สมัยที่ 9 ไปครอง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube