ทรัมป์เปลี่ยนโลก-ทักษิณเปลี่ยนไทย?

 

จังหวะบ้านเรากำลัง “ตีความ”บทหวือหวาดุดันไม่เกรงใจใคร ที่นับวันยิ่งเข้มข้น ของ “พ่อนายกฯอิ๊งค์”อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เคยเป็น อดีตนายกฯคนที่23ของประเทศไทย เมื่อ24ปีที่แล้ว

 

 

 

ที่ถือเป็น นายกไทยคนหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับ ว่าเป็น “ผู้นำ”มาซึ่งความเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยมาสู่การแข่งขันทางนโยบายกับจุดขายด้านเศรษฐกิจและ นยโยบาย “ประชานิยม” อย่างที่ล่าสุดเมื่อวาน เพิ่งไปออกอาการ“ของขึ้น”ที่มหาสารคาม หลังถูก “ป้าเสื้อแดง”ทำให้สะดุ้ง ปาสิ่งของขึ้นไปบนเวทีใส่ ระหว่างกำลังปราศรัยเพลิน ๆ แต่ก็ยังออกตัวว่า ไม่ตกใจ เพราะเคยโดนลอบทำร้ายมาเยอะ โดยฟาดแรงตั้งแต่ “ลุงป้อม”แห่ง3ป.ยัน “ขาประจำ” ด้วยการถาม

 

 

ปฏิวัติทำไม การเมืองยุ่งเพราะใคร ก่อนจะถูก “ลุงป้อม”ย้อนศรกลับตอนเย็น อันเป็นขณะเดียวกัน ที่โลกทั้งใบกำลังจับตาไปที่ “พิธีกรรม” เข้าสู่อำนาจเต็มตัวของ “ผู้นำ”ประเทศมหาอำนาจโลก อย่างสหรัฐฯ กับพิธีการสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47 ของ“นายโดนัลล์ ทรัมป์”อันเป็นสมัยที่2 ของเขา ที่ถูกตั้งฉายาทันทีว่า “ทรัมป์2.0”

 

 

 

เป็น “ทรัมป์”ผู้ที่ไม่แต่ “คนอเมริกา”หากแต่ผู้คน รัฐบาลทุกประเทศ ทั่วโลกรวมถึงไทย จับตาทั้งระแวงและ ระวังว่า จะโดน “ลูกหลง”ได้รับผลกระทบอะไร กับการกลับมาสู่อำนาจของเขา เพราะแค่ “น้ำจิ้ม” ก่อนหน้าการสาบานตนเมื่อคืน การขยับออกมาพูดของเขาผ่านช่องทางต่าง ๆ ก็ส่งผลกระทบไม่น้อย ไม่แต่สุนทรพจน์เมื่อคืนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าอเมริกาจะเข้าสู่ “ยุคทอง”

 

 

อีกครั้งกับคอนเซ็ปต์ “อเมริกาเฟิร์ส”ที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานและเศรษฐกิจ และคำมั่นว่าจะยุติโครงการความหลากหลายที่รัฐบาลกลางส่งเสริม และชี้ด้วยว่านโยบายอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ จะยอมรับเฉพาะเพศ แค่เพียง 2 เพศ คือชายและหญิงเท่านั้น

 

 

หรือแม้กระทั่งมาทรงเดิมกับที่เคยทำสมัยการสิ้นสุดอำนาจของ”โอบามา” กับ“สวนทาง”กับ “ทุกนโยบาย”ของ ปธน.คนก่อน อย่างเคสของ“ไบเดน”ทรัมป์ก็สั่ง ชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนแบบทันที โดยให้ศึกษาเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวานสั่งขยายเวลาTiktok เพื่อเจรจาต่อรอง“ผลประโยชน์”ที่จะตกกับสหรัฐ ส่วนภาษีสินค้า

 

 

จากประเทศอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา “เขายังไม่พร้อม” แต่เว้นไว้ 2 ชาติเพื่อนบ้านที่ถูกมองว่าสร้างปัญหาใกล้ตัวสหรัฐมากที่สุดอย่างปัญหาชายแดนที่ลุกลามเป็นปัญหาภายในระดับชาติ โดยบอกได้ตั้งแต่วันแรกว่า จะเรียกเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25 % ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เลย ไม่แต่เท่านั้น

 

 

หลังประกาศผ่านสุนทรพจน์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ว่าเขาจะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้
การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งหมดจะถูกหยุดทันที และจะเริ่มส่งตัวคนต่างด้าวที่ก่ออาชญากรรมหลายล้านคนกลับเขาก็ลงนาม “คำสั่งฝ่ายบริหาร”เพื่อเสริมความปลอดภัยที่ชายแดนทางใต้ ที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่ง และต่อมาสั่งให้เพิ่มทหารในพื้นที่ตามประกาศ ถือเป็นการทำตามสัญญาทางการเมืองที่ชัดเจน ในการปราบปรามผู้อพยพ ที่นักวิเคราะห์มองว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ที่สร้างความแตกแยกแบ่งขั้วในประเทศอีกครั้ง

 

 

เรียกว่าการมาของ “ทรัมป์”เพียงวันแรกไม่กี่ชั่วโมงถูกมองว่ากระเพื่อมไปทั้งโลก ที่ทุกประเทศรวมถึงไทยต้องคอย “มอนิเตอร์”ทุกแมสเซสของ “ทรัมป์”ว่าจะมาไม้ไหนอย่างไร อย่างที่ “รัฐบาลไทย”เองก็มีการเตรียมรับมือในทุกมิติเศรษฐกิจการเมืองความมั่นคง อย่างที่ “ทักษิณ”พ่อ “นายกฯอิ๊งค์”ที่ถูกมองว่าเป็น “นายกฯตัวจริง”ที่ถูกใช้บริการจาก “ผู้กุมดีล”ให้เข้ามารับมือสถานการณ์

 

 

และถูกคาดหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนประเทศไทยไปในทิศทางที่เป็นรักษาผลประโยชน์ของ “ฝ่ายอำนาจ”ไว้ได้ แนะนำ “นายกฯคนลูก”ไว้วันก่อน ว่า สิ่งที่ “ทรัมป์”กำลังจะเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อโลก 2 เรื่อง คือ 1.การเพิ่มภาษีสำหรับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาซึ่งเรื่องนี้ต้องเจรจาการค้าทีละประเทศ แต่ไทยเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐน่าจะอยู่ในข่ายที่พูดกันรู้เรื่องและเราไม่ใช่เป็นประเทศที่ร่ำรวยแล้ว

 

 

 

อีกเรื่องคือ “คริปโต” เป็นเงินพิเศษที่พึงจะต้องมีเงินสำรองด้วยเป็นเรื่องที่ไทยต้องเตรียมตัว ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประกาศไปแล้วว่า เราต้องยอมรับการซื้อขายคริปโต ที่ไม่มีความเสี่ยงคือมีสินทรัพย์แบ็กอัพอยู่ ซึ่งเราก็เตรียมการไว้แล้ว ดังนั้น เราจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่ทันเกมเรื่องนี้ในเอเชีย

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews