Home
|
ข่าว

“ชัยธวัช” ไม่กังวลก้าวไกลถูกยุบพรรค

Featured Image

 

“ก้าวไกล” ไม่กังวลถูกยุบพรรค “ชัยธวัช” บอกคุยลูกพรรคหลายรอบแล้ว โอดจะพิจารณาแบบคดีก่อนหน้าไม่ได้ เหตุความมุ่งหมาย-ความร้ายแรงของโทษต่างกัน ขณะเห็นสอดคล้อง กมธ.นิรโทษ ให้ตั้ง คกก.พิจารณาแทนการตรากฎหมาย

 

 

 

 

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้พรรคก้าวไกลแก้ข้อกล่าวหาในคดีล้มล้างการปกครองว่า คดีนี้มีความร้ายแรงมากกว่าคดีก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุติการหาเสียงการแก้ไข มาตรา112 เพราะเป็นการสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

 

 

 

ดังนั้น ศาลควรเปิดโอกาสให้มีระยะเวลาและโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เรามีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลามากที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงและมุมในแง่ของกฎหมาย รวมถึงการประสานงานกับพยานผู้เชี่ยวชาญ ที่ต้องใช้เวลาไปคุย วางประเด็น ประสานงาน เพื่อจะต่อสู้คดี เสนอให้ศาลไต่สวนข้อเท็จจริงมากกว่าคดีที่สั่งให้ยุติการกระทำ โดยเงื่อนไขสภาพความเป็นจริง ไม่ควรจะได้เวลาน้อยกว่าคดีที่แล้ว

 

 

ส่วนการแก้ข้อกล่าวหาจะแก้ว่าอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่ขอลงรายละเอียด แต่ยืนยันว่า ในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไปแล้วตามมาตรา 49 จะพิจารณาเห็นว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ศาลก็วินิจฉัยให้ยุติการกระทำ แต่เมื่อพิจารณาเรื่องยุบพรรค ตามมาตรา 92 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

 

 

ทั้งนี้ เราเห็นว่าไม่สามารถพิจารณาแบบยุติข้อเท็จจริงได้เลยตามอัตโนมัติ เมื่อมาตรา 49 ตามรัฐธรรมนูญผิด มาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ก็ต้องผิดไปด้วย และยุบพรรคโดยอัตโนมัติ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายต่างกัน ความร้ายแรงของโทษต่างกัน ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างถึงที่สุด

 

 

เมื่อศาลเห็นว่ากระทำผิด ในส่วนนี้คือรายละเอียดที่ต้องต่อสู้ ในคำวินิจฉัยที่ให้ยุติการกระทำ กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงหลายอย่างยังไม่ถึงที่สุด แต่เป็นความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญว่าพรรคก้าวไกลกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ และเป็นการมัดรวมองค์ประกอบหลายอย่างมารวมกัน โดยที่ไม่ใช่การกระทำของพรรคก้าวไกล แล้วบอกว่าเป็นการกระทำอย่างเป็นขบวนการต่อเนื่องกัน คดีนั้นศาลมองแบบนี้ แต่เป็นเพียงแค่การสั่งให้ยุติการกระทำ แต่หากเป็นคดียุบพรรคการเมืองต้องมีการไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่อย่างถึงที่สุด และต้องเฉพาะเจาะจงส่วนที่เป็นการกระทำของพรรคเท่านั้น

 

 

สำหรับระยะเวลาที่ขอขยายไปเพียงพอหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ค่อยเพียงพอ ส่วนจะมีการขอเพิ่มหรือไม่นั้น ก็คงจะต้องขอเพิ่ม แต่ในระยะเวลา 15 วัน ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

 

 

สำหรับบรรยากาศในพรรคเป็นอย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ก็เพิ่งประชุม สส.ไป มีการอัพเดตความคืบหน้าของการต่อสู้คดี รวมถึงแนวทางในการต่อสู้คดี แผนการของพรรค สส.ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เรื่องนี้มีการพูดคุยในพรรคมาหลายรอบแล้ว

 

 

ขณะเดียวกัน นายชัยธวัช ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ย้ำว่ากรรมาธิการเห็นตรงกันที่จะใช้แนวทางในการตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาคดีในการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ แทนที่จะมีการออกกฎหมายเพื่อกำหนดฐานความผิด หรือคดีใดคดีหนึ่งหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นการเฉพาะด้วย เห็นว่าไม่น่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริง จากลักษณะปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองสืบเนื่องตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน

 

 

และในความเห็นส่วนตัวในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ เกี่ยวกับคดีทางการเมืองที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า และสถานการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นจำนวนมากนัก ในระหว่างที่สภายังไม่ได้มีการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม มีกลไกและอำนาจของฝ่ายบริหารที่สามารถดำเนินการได้ และรัฐบาลควรพิพิจารณาเพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองลง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประชาชนคาดหวัง หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ที่ไม่ได้ เป็นรัฐบาลที่มีนายกฯมาจากการรัฐประหาร

 

 

ทั้งนี้ ควรมีนโยบายที่ชัดเจนต่อฝ่ายตำรวจว่าการปฏิบัติต่อประชาชนที่แสดงออกทางการเมืองควรเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนประชาชน เคารพกระบวนการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่ให้เกิดการใช้อำนาจนอกกฎหมาย หรือพยายามจะไม่ใช้กฎหมายที่เคร่งครัดเข้มงวดเกินไป จนเกิดคดีความมากขึ้น หรือมีการไปแจ้งความตั้งข้อกล่าวหากับประชาชนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ควรเกิดขึ้น

 

 

สำหรับรายละเอียดในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคดีการนิรโทษจะมีการศึกษารายละเอียดหลังจากนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ในกฎหมายการนิรโทษกรรมของไทยที่ผ่านมา มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วสองครั้ง คือการนิรโทษฯปี 2489 ให้กับประชาชนข้อหากบฏต่อญี่ปุ่น และปี 2499 เกี่ยวกับคดีข้อหากบฏ ส่วนร่างกฎหมายของพรรคก้าวไก่ที่เสนอสภาไปแล้วก็ได้นำรูปแบบมาจากกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว

 

 

ซึ่งด้วยสถานการณ์บริบททางการเมืองที่ต่างกันอาจจะมีการออกแบบคณะกรรมการที่ต่างกันในบางส่วน ไม่สามารถที่จะหยิบยกมาทั้งหมดได้ และอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีนิรโทษฯ หรือจะพิจารณาเพื่อส่งให้ศาลหรืออัยการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรม หรือคณะกรรมการควรมีอำนาจในการเปิดรับคดีจากประชาชนที่ตกหล่นเพื่อยื่นต่อกรรมการพิจารณาได้หรือไม่ หรือจะมีอำนาจพิจารณากระบวนการพิเศษสำหรับคดีบางคดีที่มีความละเอียดอ่อน

 

 

นายชัยธวัช ยังระบุเพิ่มเติมว่ากรรมาธิการใช้ระยะเวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมคดีประเภทคดีและฐานความผิด พยายามแยกการนิรโทษกรรม แต่เห็นข้อจำกัดจากข้อเท็จจริงว่า หากจะใช้วิธีการกำหนดฐานความผิด หรือกำหนดคดี จะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ในทางปฏิบัติ จึงมีการพิจารณาพิจารณารูปแบบคณะกรรมการ

 

 

ส่วนคณะกรรมการดังกล่าวจะยึดโยง กับสภาหรือไม่อยู่ที่การออกแบบ หรือจะกำหนดให้มีการ ยึดโยงฝ่ายบริหาร ไม่ได้เป็นการโยงให้กับหน่วยงานอื่นแต่เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 

 

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการ นิรโทษครั้งนี้ไม่ครอบคลุมเกี่ยวข้องกับคดีความผิดฐานการทุจริตคอรัปชั่น หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube