Home
|
ข่าว

“พิชัย” หนุนกกร.ค้านขึ้นค่าไฟฟ้าแนะนายกฯอย่าเอื้อนายทุน

Featured Image
“พิชัย” หนุนกกร.ค้านขึ้นค่าไฟฟ้า ชี้เห็นด้วยกับ 5 ข้อเสนอ จี้ ต้องหยุดให้ใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่ม แนะผู้นำต้องเข้าใจปัญหาพลังงาน อย่าคิดแต่เอื้อนายทุน

 

 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า และสมาคมธนาคารไทย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้า พร้อมขอเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจง โดยให้เหตุผลเหมือนกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแถลงคัดค้านไว้นานแล้ว

 

ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อมากขึ้น สร้างความลำบากให้กับประชาชน อีกทั้งยังทำให้ความสามารถแข่งขันของประเทศไทยลดลง ทั้งนี้ กกร. ได้มี 5 ข้อเสนอ ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยและเป็นเหตุเป็นผล คือ การตรึงราคาค่าไฟฟ้าของครัวเรือนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรผลักภาระการตรึงราคาไฟฟ้าของครัวเรือนไปภาคส่วนอื่น ซึ่งต้องยอมรับก่อนว่าปัญหาค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลในหลายด้าน

 

ทั้งการส่งมอบสัมปทานในพื้นที่อ่าวไทย การให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการไปมากถึงกว่า 50% ทั้งที่ตามหลักการต้องผลิตเกินแค่ 15% เท่านั้น ทำให้ต้องเสียค่าความพร้อมเป็นจำนวนเงินสูงมาก, การขยายเงินกู้ให้กับ กฟผ. เป็น 2 ปี เพื่อให้ กฟผ. แบกรับภาระแทนประชาชนไปก่อน โดยหยุดการส่งเงินกำไรเข้าคลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้และควรทำ อีกทั้งมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจะมีราคาลดลง หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาสัมปทานในอ่าวไทยได้

 

และราคาพลังงานโลกมีแนวโน้มจะลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า, ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ขอให้ปรับค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติแบบขั้นบันได เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ, ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัวหรือบริหารจัดการพลังงาน, เสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการทำงานร่วมกันโดยเอกชนจะควรจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของรัฐบาลในเรื่องพลังงาน

นอกจาก 5 ข้อเสนอของ กกร. แล้ว คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ยังอยากเรียกร้องให้รัฐบาลระงับการให้ใบอนุญาตไฟฟ้าจำนวน 5.203 เมกกะวัตต์ไว้ก่อน เพราะปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการสูงกว่า 50% บางครั้งสูงถึง 57% ซึ่งทำให้เสียค่าความพร้อมสูงมากและยังมีโรงงานไฟฟ้าที่ได้ใบอนุญาตที่จะสร้างเสร็จเพิ่มอีก การให้ใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่มจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าล้นกว่าเดิม และเรื่องสุดท้ายที่ต้องขอตอกย้ำคือการเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา

 

ซึ่งจะทำให้ไทยได้รับก๊าซในราคาถูก สามารถนำมาผลิตไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงได้มาก ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซในอ่าวไทยและก๊าซจากเมียนมาร์จะอยู่เพียงหน่วยละ 2-3 บาทเท่านั้นและไทยจะมีความมั่นคงทางพลังงานเพราะมีแหล่งพลังงานเอง อีกทั้งยังจะได้รายได้จากค่าภาคหลวงปีละหลายแสนล้านบาทไปอีกเป็นสิบๆ ปี เพื่อนำเงินมาทำสวัสดิการให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุอีกด้วย

 

ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำของประเทศจะต้องมีความรู้เรื่องพลังงาน และต้องรู้ถึงความสำคัญของพลังงานต่อระบบเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน จะตามใจนายทุนพลังงานอย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยส่วนรวมและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมากเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube