fbpx
Home
|
ข่าว

“ศุภชัย” สะกิด “เพื่อไทย” ใช้กฎหมายยาเสพติดปี 64

Featured Image
หวั่นซ้ำรอยยุคฆ่าตัดตอน ! “ศุภชัย” สะกิด “เพื่อไทย” ใช้กฎหมายยาเสพติดปี 64 แทนประกาศสงคราม

 

 

นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ภายหลังเหตุโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภูแม้ว่าผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบว่าผู้ก่อเหตุได้มีการเสพสารเสพติดก็ตาม แต่กลับมีนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคท่านหนึ่ง ออกมาแสดงความเห็นประเด็นเรื่องมาตรการด้านการปราบปรามยาเสพติดจนถึงขนาดจะออกเป็นนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดเหมือนกับพรรคที่เคยสังกัดเคยประกาศและออกมา”ทำสงคราม”จนเป็นที่กล่าวขานกันทั้งในและต่างประเทศถึง”ผลกระทบ”ที่เกิดขึ้นจากนโยบายนั้นซึ่งหากจะมีการสืบค้นกันก็จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับนโยบายดังกล่าว

 

ในสมัยประชุมของรัฐสภาที่ผ่านมาผมเห็นว่ารัฐสภาได้ผ่านกฎหมายอันสำคัญยิ่งออกมาคือประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีผลใช้บังคับในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งผมเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งยกเลิกกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดประมาณ 29 ฉบับที่ใช้บังคับอยู่ ส่วนกฎหมายลำดับรองของกฎหมายเหล่านี้จะยังมีผลบังคับใช้อยู่จนกว่าจะมีการออกกฎหมายลำดับรองฉบับใหม่ออกมา โดยในตัวประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ มีกรอบแนวคิดสำคัญที่สะท้อนอยู่ใน 184 มาตราของกฎหมายฉบับนี้ ดังนี้

 

กรอบนโยบายและแผนพัฒนาระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน การปราบปราม และการแก้ไขปัญหายาเสพติด การจัดโครงสร้างกลไกในการบริหารจัดการปัญหายาเสพติดซึ่งมีความสอดคล้องกัน ที่แต่เดิมจะกระจัดกระจายตามกฎหมายแต่ละฉบับ ขาดความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

 

กรอบนโยบายตัวยาเสพติดที่เกี่ยวกับการนำไปใช้ทางการแพทย์และเศรษฐกิจอย่างมีความเหมาะสมและสมดุล

 

กรอบการมองปัญหาผู้เสพในมิติของปัญหาสุขภาพ มิใช่เรื่องอาชญากรรมเพียงอย่างเดียว การให้โอกาส ให้ความช่วยเหลือ และให้การสงเคราะห์

 

กรอบนโยบายทางอาญาในการลงโทษผู้กระทำความผิดให้ได้สัดส่วนและเหมาะสมกับการกระทำผิด มีการเป็น 3 กลุ่ม คือ นายทุน แรงงาน และเหยื่อ และกรอบการดำเนินการทำลายเครือข่ายยาเสพติดมากกว่าการดำเนินการกับกลุ่มแรงงาน แผนกคดีทรัพย์สินไม่ผูกติดกับแผนกคดีอาญา และให้ริบทรัพย์สินตามมูลค่า

 

โดยในประมวลกฎหมายนี้ หลักการสำคัญจะมี 5 กลุ่มคือ นโยบายและกลไกในการแก้ไขปัญหา มาตรการควบคุมตัวยาเสพติด มาตรการตรวจสอบทรัพย์สิน กองทุนฯ การบำบัดรักษา และความผิดและบทลงโทษ

 

ในประมวลกฎหมายฉบับนี้จะแบ่งเป็น 3 ภาค โดยภาค 1 การป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยาเสพติด

 

ภาค 2 การบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติด

 

และภาค 3 บทกำหนดโทษ

 

โดยในกฎหมายนี้ มีการกำหนดบทลงโทษประการหนึ่งที่ประชาชนควรรับรู้ไว้ กล่าวคือ การที่บุคคลที่ยอมให้ใช้ชื่อ เอกสาร หลักฐาน ไปเปิด จด หรือลงทะเบียนทำธุรกรรมทางการเงิน ซื้อสินค้า หรือยอมให้ใช้บัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซิมการ์ด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทำความผิดร้ายแรง มีบทลงโทษจำคุก 3 ปีหรือปรับ 60,000 บาท ดังนั้น จึงอยากขอเตือนประชาชนทุกท่านว่าต่อจากนี้ไม่ควรยอมให้ผู้อื่นนำชื่อหรือเอกสารไปใช้เพราะจะเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางกฎหมายในบทบัญญัตินี้

 

ประโยชน์ของการมีประมวลกฎหมายยาเสพติด คือ ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงกฎหมายได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมและสนับสนุนการร่วมมือกันของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการบูรณาการในการจัดการปัญหายาเสพติด ผู้กระทำผิดได้รับโทษเหมาะสมและได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำ มีมาตรการในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดมากขึ้น

 

ยืนยันว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดนี้จะเป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบของประเทศ และผมมั่นใจว่าหากท่านหัวหน้าพรรคได้อ่านได้ศึกษากฎหมายฉบับนี้และทำความเข้าใจอย่างจริงจังแล้ว ท่านคงไม่จำเป็นต้องนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดเป็นแน่ และผมขอภาวนาและเรียกร้องท่านว่าอย่าออกนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดเลย เพราะเหตุการณ์การฆ่าตัดตอน การอุ้มหาย ใบอนุญาตฆ่า(license to kill) จากนโยบายอย่างโหดร้ายในขณะนั้นยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนอยู่มิลืมเลือน

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube