fbpx
Home
|
ข่าว

“ชัยชนะ” โต้ “สร้างอนาคตไทย” ยันประกันรายได้ประสบผลสำเร็จ

Featured Image
“ชัยชนะ” โต้ “สร้างอนาคตไทย” ยันประกันรายได้ ประสบความสำเร็จ ไม่มีปัญหาตามหลัง ฉะนโยบาย “สมคิด” ใช้เทคนิคการตลาด มุ่งแต่คะแนนเสียงเปรียบ “น้ำผึ้งอาบยาพิษ”

 

 

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบรรดาพรรคการเมือง ที่เริ่มออกนโยบาย เพื่อจะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า ขณะนี้มีพรรคการเมือง ก็ได้เริ่มออกนโยบายจูงใจประชาชน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสนับสนุน และผลักดันให้เป็นนโยบายบริหารราชการแผ่นดินต่อไป โดยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เริ่มมีนโยบายที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เช่น มีการนำเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 800 บาท มาล่อใจประชาชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ราว 10 – 11 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินการขึ้นค่าแรง 300 บาท

 

ซึ่งเป็นเทคนิคในการหาเสียง โดยที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมกับผลกระทบที่ตามมา ทำให้ปรากฏว่า พอขึ้นค่าแรงจริงๆ แล้ว กลับต้องประสบกับ “ผีอีแพง” ที่หลอกหลอนประชาชนในยุคนั้น การจะนำนโยบายจำนำข้าวที่ล้มเหลว จนถึงขณะนี้ ยังต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อชดใช้ความเสียหายต่อแผ่นดิน กลับมาฉายซ้ำใหม่ เพื่อเป้าหมายแค่นำพาคนไม่กี่คนกลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย บางพรรคการเมืองใช้วิธีการติดป้ายหาตามถนนหนทางในต่างจังหวัด โดยชูเรื่องการพักชำระหนี้สูงสุด 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยอ้างประสบการณ์ของหัวหน้าพรรคการเมือง ที่โดดเด่นในเรื่องของการทำธุรกิจ มาเป็นจุดขาย เป็นต้น

 

ทั้งนี้ การที่พรรคสร้างอนาคตไทย บอกว่า จะเป็นพรรคที่มุ่งเน้นจะมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนนั้น ปรากฏว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กลับใช้เวทีสัมมนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ที่ จ.ภูเก็ต โจมตีการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยระบุว่า “ภาคใต้มี ส.ส.มาตลอด ส.ส.ทำอะไร ตนนั่งอยู่ใน ครม.ไม่เห็นมีเลย มีแต่ประกันรายได้ ประกันทั้งปี ของหมูๆ อย่างนั้นใครๆ ก็ทำได้”

 

มองว่า นายสมคิด คงไม่ทราบว่า นโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ผลตรงตามที่ทางพรรคฯ ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมีขั้นตอนน้อยที่สุด และรบกวนงบประมาณน้อยที่สุด ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า นโยบายนี้ เป็นนโยบายที่ไม่มีปัญหาให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในภายหลัง ไม่เหมือนกับนโยบายที่นายสมคิด คิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ต่างมีปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเป็นอย่างมาก เช่น พักหนี้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 แสนบาทนั้น ปรากฏว่า เป็นเพียงการไม่จ่ายหนี้ แต่ดอกเบี้ยกลับสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และเกษตรกรผู้เข้าโครงการต้องกลายเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยได้ ก็ถูกวิจารณ์ถึงการกู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยมาบำเรอความสุขของตัวเอง

 

โดยเงินจำนวนดังกล่าวหมุนกลับไปยังกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาลในเวลานั้น รวมถึง นโยบายที่มีการดำเนินการในปัจจุบัน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ผู้ที่ได้รับสิทธิใหม่ เพราะมีหลายรายที่ควรจะได้สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้สิทธิ์ หลายรายที่จนไม่จริง แต่กลับได้ใช้สิทธิจริง และนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆ แล้ว ปรากฏว่า ร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการกลับต้องมาเสียภาษีเต็มๆ โดยไม่สามารถใช้สิทธิคนละครึ่งในการเสียภาษีได้ จนต้องประกาศว่า เข็ดและไม่ขอเข้าร่วมโครงการนี้อีกต่อไป สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นนโยบายที่คิดมาโดยนายสมคิดและทีมงาน ที่คิดเอาแต่คะแนนเสียง โดยใช้เทคนิคทางการตลาด เพื่อให้ประชาชนคิดไปเองว่าได้ประโยชน์ แต่กลับมีผลกระทบมากในภายหลัง เปรียบเสมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ ที่ภายนอกดูหอมหวานแต่แฝงไว้ด้วยอันตรายที่คาดไม่ถึง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube