fbpx
Home
|
ข่าว

“จุรินทร์” แจงสภาเงินเฟ้อเพราะราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น

Featured Image
“จุรินทร์” แจงสภาเงินเฟ้อ เกิดจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเงินเฟ้อต่ำที่สุดในโลก ขณะพาณิชย์ เร่งแก้ปุ๋ยแพง

 

 

 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ว่า เรื่องเงินเฟ้อ เกิดจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเกิดทั่วโลก ราคาเดือนพฤษภาคมปีนี้ เทียบกับปี 64 ราคาดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 60% ส่งผลต่อต้นทุนสินค้าและการขนส่ง ทำให้ราคาสินค้าและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ดี IMF ประเมินใน World Economic Outlook ระบุว่า ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเงินเฟ้อต่ำที่สุดในโลก และคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อไทยปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5% เป็นลำดับที่ 163 จาก 192 ประเทศ

 

สำหรับราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคไม่ได้ราคาขึ้นทั้งหมด มี 3 กลุ่ม คือ 1.ราคาสูงขึ้น 2.ราคาทรงตัวและ 3.ราคาลดลง กลุ่มที่ตรึงราคาคือสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภค-บริโภค 18 หมวด น้ำอัดลมที่มีข่าวว่า จะขึ้นราคา ยังไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นราคา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่ปรับระบบบริหารจัดการภายใน ราคาขายปลีกยังซองละ 6 บาทคงเดิมและค่าขนส่งแพลตฟอร์มต่างๆ ยังไม่มีการปรับขึ้น

 

ส่วนเรื่องปุ๋ยแพงนั้น รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์จับมือกันช่วยกันแก้ปัญหาทำได้สำเร็จในระดับหนึ่ง คือ เรื่องราคาไม่ให้ค้ากำไรเกินควร และปริมาณไม่ให้ปุ๋ยขาดแคลน ซึ่งกำกับปริมาณให้เพียงพอต่อการใช้ของเกษตรกรในประเทศ โดยปุ๋ยต้องนำเข้า 100% ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก ซึ่งปุ๋ยผลิตจากน้ำมัน และค่าขนส่งก็ใช้น้ำมันทำให้ราคาแพงขึ้นทั่วโลก จึงต้องสร้างสมดุลทั้งราคาและปริมาณให้นำเข้าได้ พร้อมสั่งการติดตามโดยเคร่งครัด ถ้าพบจะดำเนินคดีจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และในอนาคตจะให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เจรจาผู้ส่งออกปุ๋ยรายสำคัญของซาอุดิอาระเบียซื้อปุ๋ยราคาพิเศษจาก บริษัทยักษ์ใหญ่

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลนี้เข้ามาดูแลบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ปรากฏว่าเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดับสนิททุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การส่งออก จะโทษนายกฯ ไม่ได้ เพราะเป็นทั่วโลกจากการปิดประเทศ แต่เปิดประเทศ มั่นใจว่า การท่องเที่ยวไทยเดินได้ทันที สำหรับการส่งออก ในช่วงโควิด วิกฤตเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าอเมริกา-จีน และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถผลักดันการส่งออกฝ่าวิกฤตไปได้อย่างงดงาม เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ GDP ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ปี 64 ส่งออก +17.1% นำเงินเข้าประเทศ 8.5 ล้านล้านบาท และปีนี้ 4 เดือนแรก ม.ค.-เม.ย. ตัวเลขส่งออก +13.7% นำเงินเข้าประเทศ 3.2 ล้านล้านบาท และตั้งเป้าปีนี้ จะทำให้ได้มากกว่าปีที่แล้วอย่างน้อย 500,000 ล้านบาท รวมเป็น 9 ล้านล้านบาท การส่งออกยังเป็นตัวจักรขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศไม่ใช่ดับสนิทอย่างที่เพื่อนสมาชิกเข้าใจ สำหรับวิกฤติอาหารขาดแคลนนั้น กระทรวงพาณิชย์ติดตามเรื่องนี้โดยตลอด

 

เรื่องข้าว รัฐบาลก็มีแผนยุทธศาสตร์ข้าว บังคับใช้แล้วตั้งแต่ปี 63-67 ประเด็นสำคัญ ไทยมีจุดอ่อนเรื่องความไม่หลากหลายของพันธุ์ข้าว 5 ปีนี้ ต้องเพิ่มพันธุ์ข้าวให้ได้อย่างน้อย 12 สายพันธุ์ แต่ไม่ถึง 5 ปี ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จัดประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้ 6 สายพันธุ์แล้ว และไทยส่งเมล็ดพันธุ์ที่มีทั้งกลิ่นและรสชาติ สีสันคุณประโยชน์แข่งในเวทีโลกจัดประกวดข้าวโลก 13 ครั้ง ประเทศไทยได้แชมป์โลก 7 ครั้งและในรัฐบาลนี้ได้ 2 ปีซ้อน

 

สุดท้ายเรื่อง Soft Power ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับ Soft Power ตนกำหนดเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ซึ่งมี Soft Power อยู่ในนั้นด้วย กระทรวงวัฒนธรรมทำหน้าที่อนุรักษ์สืบสาน Soft Power กระทรวงพาณิชย์ตนสั่งเป็นนโยบาย ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วให้กรมส่งเสริมการการค้าระหว่างประเทศ

 

ทำแผนส่งออก Soft Powerต่อไปต้องส่งออก Soft Power มีการกำหนดแผนส่งออก 4 สินค้าหลัก  1.อาหารกับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ  2.สุขภาพความงาม  3.สินค้าที่มีลักษณะสร้างสรรค์อัตลักษณ์ไทย 4.ดิจิทัลคอนเทนท์ ภาพยนตร์ ละคร เกมส์ อนิเมชั่นใส่ความเป็นไทย Soft Power กำหนด 3 กิจกรรมใหญ่ 1.อบรมให้ความรู้พัฒนาผู้ประกอบการทุกภาค 2.พัฒนาสินค้าให้มีเรื่องราว 3.การเปิดตลาดที่ชื่นชอบอัตลักษณ์ไทยทั้งจีน สหรัฐฯ อาเซียนหรือเอเชียตะวันออก เพื่อให้เห็นภาพว่ารัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ตอบโจทย์การจัดงบประมาณในปีนี้อย่างไร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube