fbpx
Home
|
ข่าว

นายกฯ สั่งเร่งเบิกจ่ายงบดูแลฟื้นตัวเศรษฐกิจ

Featured Image
นายกฯสั่งเร่งเบิกจ่ายงบดูแลฟื้นตัวเศรษฐกิจ หากพบรายการที่คาดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันให้ปรับแผน เน้นแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นลำดับแรก

 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ  ณ สิ้นไตรมาสที่2 ปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-มี.ค.2565) รวมระยะเวลา 6 เดือนมีการเบิกจ่ายแล้ว 1.59 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.40  ของงบประมาณทั้งหมด 3.1 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 0.40 มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.82 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.73 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2.49

 

ทั้งนี้ เฉพาะรายจ่ายด้านการลงทุนมีการเบิกจ่ายแล้ว 1.91 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.48 ของวงเงินรายจ่ายลงทุนรวม 6.08 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2.48 มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 4.04 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66.43 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 8.28

 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมตลอดจนรายจ่ายเพื่อการลงทุนที่ดำเนินการได้เกินกว่าเป้าหมายนั้น มาจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวต้องการแรงสนับสนุนจากเม็ดเงินของภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันแต่ละไตรมาส

 

อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้รายงานเพิ่มเติมว่า เฉพาะรายจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ 2565 ทั้งสิ้น 112,163 รายการ วงเงินรวม 6.08 แสนล้านบาทนั้น  ณ สิ้นไตรมาสที่2/65 มีรายการที่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว 80,727 รายการ วงเงินรวม 5.02 แสนล้านบาท คงเหลือสถานะไม่อยู่ในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 31,436 รายการ วงเงิน 1.06 แสนล้าน ของ 568 หน่วยงาน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง 4,374 รายการ วงเงิน 3.12 หมื่นล้านบาท

 

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนให้แล้วเสร็จ พร้อมกับมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล มีการติดตาม เร่งรัด และประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้่จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย หากพบว่ารายการใดหมดความจำเป็นหรือคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ ก็ให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการและการใช้จ่ายไปดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นอันดับแรก ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเป็นกลไกการขจัดปัญหาความยากจน สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงและบริบทของแต่ละพื้นที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube