นายกฯ ปธ.ลงนาม MOU “สุขกาย สบายกระเป๋า”
นายกฯ ปธ.ลงนาม MOU โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เดินหน้า Quick big win เพิ่มทางเลือกประชาชนใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน หวังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายคนไทย ยกระดับการแพทย์ไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออ(Memorandum of Understanding : MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอต้อนรับสู่ทำเนียบรัฐบาลและวันนี้ทุกท่านได้มาร่วมในโครงการที่เป็นประโยชน์ยิ่งสำหรับพี่น้องประชาชนคือโครงการ “สุขกายสบายกระเป๋า” ซึ่งพวกเราทุกคนมาในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยาน ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นมาขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพครั้งสำคัญของประเทศไทย ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ครั้งยิ่งใหญ่

รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุข ของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลของรัฐมีผู้ป่วยรอรับการรักษาจำนวนมาก ในขณะที่การใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนยังคงมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทั้งค่ายาและค่าเวชภัณฑ์
เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายที่ต้องการลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในเรื่องการรักษาพยาบาล โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านในโอกาสนี้ด้วย โครงการสุขกายสบายกระเป๋า ถือเป็นโครงการหนึ่ง ในภารกิจ Quick big win ที่รัฐบาลนี้เน้นกระตุ้นสร้างให้ได้ผลยาวและกระจายตัว
โดยให้โรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยรายการยาและค่ายา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับบริการที่โรงพยาบาลเอกชน อย่างชัดเจนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาลนั้นๆหรือนอกโรงพยาบาลก็ได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน และสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ป่วยได้

ทั้งนี้ ในภาพรวมจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มมากขึ้นด้วยขณะเดียวกันลดความแออัดในโรงพยาบาลของรัฐ และวันนี้มี 4 หน่วยงาน ที่เป็นตัวผลักดันให้โครงการสุขกายสบายกระเป๋า ได้ดำเนินการเป็นรูปธรรม คือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่เราจะมาร่วมลงนาม MOU ด้วยกัน
ซึ่ง MOU ส่วนนี้จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันในการแสดงรายละเอียดใบสั่งยาของโรงพยาบาลเอกชนอย่างถูกต้องและครบถ้วนโดยแสดงรายการยาก็บ่งใช้ยา เพื่อให้ผู้รับบริการมีข้อมูลตัดสินใจ ในทางเลือกว่าจะซื้อยาในโรงพยาบาลเอกชนหรือจะนำใบสั่งยานี้ไปซื้อยาด้วยตนเองที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 300 แห่งและมีร้านขายยาจำนวนมากกว่า 3,400 แห่ง ซึ่งทำการลงทะเบียนกับอย. และมีตราสัญลักษณ์โครงการสุขกายสบายกระเป๋า เตรียมพร้อมที่จะให้บริการแก่พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถรับบริการผ่านช่องทางเทเลฟามาฟี ที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรมได้ด้วย และนโยบายนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมด้านราคาและมั่นใจได้ว่าตัวเองได้ซื้อยาจากร้านขายยา ที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน ได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี
ถือว่าเยอะมากเราสามารถนำเงินจำนวนมากขนาดนี้ไปสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และพัฒนาประเทศ ได้อีกหลายอย่าง รวมถึงการยกระดับการบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า โอกาสนี้ขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนขอบพระคุณบุคลากรทางการแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่ทั้งภาคเอกชนและภาคราชการหรือร้านขายยาที่มีส่วนผลักดันในโครงการนี้ เพื่อจุดมุ่งหมายให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือกได้รับบริการด้านการแพทย์การสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น
และเปิดโอกาส ทำให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการสุขกายสบายกระเป๋า

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





