fbpx
Home
|
ทั่วไป

อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เผยผลสำรวจปี 67 ภาวะหมดไฟกระทบองค์กร 80%

Featured Image

อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส  ได้เปิดเผยรายงานภาพรวมแนวโน้มความเสี่ยงทั่วโลก ประจำปี 2567 ระบุว่า 80% ของผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านความเสี่ยงทั่วโลกคาดการณ์ว่า ภาวะหมดไฟเนื่องจากสภาพอากาศสุดขั้วและสถานการณ์ความไม่มั่นคงที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจในปี 2567 แต่มีเพียง 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจกลุ่มนี้เท่านั้นที่รู้สึกว่า องค์กรของตนพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

รายงานยังกล่าวถึงความเสี่ยงสำคัญบางประการที่องค์กรต่าง ๆ ต้องเผชิญในปี 2567 รวมถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ พลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงในเรื่องความคาดหวังของพนักงาน และปัญหาความไม่สงบทั่วโลกอีกด้วย

แซลลี ลูเวลลิน ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงปลอดภัยระดับโลกของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส กล่าวว่า การบริหารความเสี่ยงเชิงรุกจะเป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากผู้ตอบแบบสำรวจหลายคนคาดการณ์ว่าความเสี่ยงที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเผชิญในปี 2567 จะเพิ่มสูงขึ้น การเป็นพันธมิตรกับองค์กรอื่น ๆ หรือผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เรามีความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงและผลกระทบในลำดับที่สองหรือสามที่อาจจะต้องเผชิญเมื่อพิจารณาจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ อุตสาหกรรม หรือรูปแบบการเดินทาง การเตือนภัยล่วงหน้าจะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนหรือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ การดูแลให้เกิดความยืดหยุ่นภายในแผนกที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการภาวะวิกฤตก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ขณะที่การเพิ่มจำนวนผู้บริหารที่สามารถเข้ามาช่วยดูแลในยามวิกฤต และเสริมศักยภาพให้ผู้บริหารเหล่านี้ด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรับรองและสร้างความเชื่อมั่นว่า ภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจในวงกว้าง

รายงานภาพรวมแนวโน้มความเสี่ยงทั่วโลก ประจำปี 2567 ของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส: การคาดการณ์ 5 อันดับแรก

หมดแรงหมดใจ – ปัญหาวิกฤตซ้อนวิกฤตบั่นทอนจิตใจ ในขณะที่ภาวะผันผวนที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิดได้เริ่มบรรเทาลง ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียได้ทำให้ห่วงโซ่อุปทานและบริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องเผชิญกับภาวะผันผวนและหยุดชะงัก สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่องทำให้พนักงานมีความเสี่ยงที่จะหมดไฟมากยิ่งขึ้น ผลการวิจัยพบว่า องค์กรต่าง ๆ เผชิญกับปัญหาการขาดงานเนื่องจากความเครียดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 65% เชื่อว่าความเสี่ยงทั่วโลกจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นในปี 2567 ส่งผลให้ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการบริหารจัดการวิกฤตเพิ่มสูงกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดโรคระบาด

วิกฤตสภาพภูมิอากาศ – เมื่อภาวะโลกร้อนมาเยือน องค์กรหนึ่งในสี่เปิดเผยว่า กิจการของตนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และรายงานการแจ้งเตือนจากอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ในปี 2566 ชี้ว่า เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เป็นประเภทของสถานการณ์ที่มีการแจ้งเตือนสูงเป็นอันดับสองของรายงานการแจ้งเตือนจำนวนหลายพันรายงานที่ออกโดยอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส 

ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ระบุว่า ตนเองได้พิจารณาและนำปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเข้ามาใส่ไว้ในแผนด้านสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายองค์กรมีความเสี่ยงมากเพียงใด ทั้งนี้ ประมาณสามในสี่ของธุรกิจต่าง ๆ เปิดเผยว่า สภาพอากาศสุดขั้วจะเป็นอุปสรรคสำหรับพนักงานและการดำเนินธุรกิจของตนในปี 2567

เมื่อสภาพอากาศและภูมิอากาศในหลายภูมิภาคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมของความเสี่ยงด้านสุขภาพก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน ดร.ไอรีน ไล ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ระดับโลกของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วหลายเหตุการณ์ที่เราได้เผชิญในปี 2566 อาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญในปี 2567 ซึ่งอาจส่งผลให้พนักงานมีความวิตกกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเตรียมแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับองค์กรต่าง ๆ

ภาวะไร้เสถียรภาพทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ในปี 2566 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นหัวข้อที่ทำให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยที่สูงเป็นอันดับสอง โดยผู้ตอบแบบสำรวจถึงสามในสี่เชื่อว่า องค์กรของตนจะได้รับผลกระทบอย่างมากในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤตการณ์ที่ยังคงเกิดขึ้นในอิสราเอลและฉนวนกาซา รวมถึงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในยูเครน ส่งผลให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพทั่วโลก ความไม่สงบและความระส่ำระสายในสังคมควบคู่กับความไม่มั่นคงทางการเมือง ถือเป็นหัวข้อที่สร้างความกังวลอย่างมากในระดับรองลงมาสำหรับองค์กรต่าง ๆ ด้วยรูปแบบที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ของเหตุการณ์เหล่านี้ ธุรกิจต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เอไอ – ความเสี่ยงและโอกาส เอไอมีศักยภาพที่น่าทึ่งในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ ปัจจุบัน  เอไอกลับทำให้งานที่มีความสำคัญอย่างการแยกแยะข้อมูลที่เชื่อถือได้ออกจากข้อมูลเท็จและข้อมูลที่จงใจบิดเบือนสำหรับธุรกิจนั้น มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ตอบแบบสำรวจงานวิจัยภาพรวมแนวโน้มความเสี่ยงระดับโลกมากกว่าสองในห้าระบุว่า รู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานของตนจากข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้องและถูกบิดเบือน และตัวเลขผู้ตอบแบบสำรวจเพิ่มขึ้นเป็นสามในห้าเมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อมูลทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายอย่างยิ่งในช่วงที่สหรัฐกำลังจะมีการเลือกตั้งครั้งสำคัญ

สัญญาจ้างแรงงานรูปแบบใหม่ สามในสี่ขององค์กรที่ตอบรับการสำรวจเปิดเผยว่า พนักงานมีความคาดหวังมากขึ้นว่าจะได้รับการดูแลจากบริษัท ตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงองค์กรที่ปัจจุบันแบกรับหน้าที่ที่เคยถูกมองว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ตอกย้ำว่ายุคสมัยแห่งการให้บริการด้านอาชีวอนามัยขั้นพื้นฐานสำหรับพนักงานเพียงอย่างเดียวนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว แม้ว่าบริการด้านอาชีวอนามัยสำหรับพนักงานจะยังคงมีความสำคัญ แต่จำเป็นต้องถูกยกระดับด้วยมาตรการช่วยเหลือและการสนับสนุนที่หลากหลาย เพื่อปกป้องดูแลพนักงานทั่วโลก

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube