โฆษกพรรคกล้า ขอเสียง ส.ว.ร่วมโหวตยกเลิกกลไกใช้เสียงเลือกนายกฯ เพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมือง
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ในฐานะคณะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ลดอำนาจส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กล่าวอภิปรายก่อนลงมติว่า ตนอยากจะย้ำว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นร่างที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอร่างกันมา จึงอยากให้พิจารณาในแง่ของหลักการ พร้อมทั้งสรุปข้อสังเกตเป็น 4 ป. คือ
1.”ประชามติ” แม้ทั้งรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงจะผ่านการเห็นชอบการประชามติ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขไม่ได้ จึงเห็นตรงกัน ว่าควรเร่งแก้ไขยกเลิก การใช้เสียง ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหามากมายหลายอย่างตามมา
2. “ปฏิบัตินิยม” ถ้ากลับไปดูคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา คะแนนในสภาผู้แทนราษฎร 251 ต่อ 244 เสียง นั่นหมายความว่า ใช้คะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ก็มากเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่หากไม่ได้เสียงข้างมาก แล้วใช้เสียงวุฒิสภาลากเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล สุดท้ายคงอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือน เพราะเสียงไม่ถึงในสภาผู้แทนราษฎร ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
3.”ประชาธิปไตย” รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ทั้งคำปรารภหลายวรรค บททั่วไปมาตรา 2 ระบุชัดเจนถึงระบอบการปกครองและการยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย แต่ถ้ายังคงให้ใช้เสียง ส.ว. ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นกระบวนการที่ขัดต่อกฎหมายและระบอบการปกครองเสียเอง และ
4. “ปรองดอง” อยากให้ส.ส.เห็นว่าอำนาจนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองว่า ส.ว.เป็นกลไกสืบทอดอำนาจ เป็นปัญหาความไม่เข้าใจกัน เป็นปัญหาความขัดแย้งการเมือง
อย่างไรก็ตาม ตนยังคงเชื่อมั่นในวุฒิสภา เพียงแต่ขอเสียงจากส.ว. ยกเลิกกลไกการใช้เสียง ร่วมเลือกนายกฯ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคต หากยินดีจะสละอำนาจส่วนนี้ไป จะเป็นจุดเริ่มต้น ยุติความวุ่นวาย ยุติความขัดแย้งทางการเมือง และความปรองดอง การเมืองที่มีเสถียรภาพ จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ขอเพียงเสียง ส.ว.รับหลักการ เกิน 84 เสียง ผ่านวาระ 1 เดินหน้าหาทางออก สร้างความปรองดอง ร่วมกันทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
