fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

สนค.คาดไม้ดอกส่งออกฟื้นตัวได้หลังโควิด

Featured Image
สนค. คาดการณ์ ไม้ดอกส่งออกไทยฟื้นตัวได้หลังโควิด-19 เร่งศึกษากฎระเบียบให้ดีก่อนส่งออก

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการศึกษาการส่งออกไม้ดอกของไทย และการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยหลังโควิด-19 พบว่า ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูก จากข้อมูลปี 2562 พบว่าในตลาดโลกมีการส่งออกไม้ดอกที่สำคัญ ได้แก่ ทิวลิป กุหลาบ คาร์เนชั่น เบญจมาศ และกล้วยไม้ ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกไม้ดอกสำคัญ 10 อันดับของโลก อาทิ เนเธอร์แลนด์ โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เคนยา โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 11 สำหรับในปี 2563 ประเทศไทยมีการส่งออกไม้ดอกปริมาณ 23,390 ตัน มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท

ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการส่งออกไม้ดอกของไทย โดยเฉพาะการส่งออกไปอาเซียนที่มีการส่งเสริมการใช้สิทธิ FTA ทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะกระทบต่อการส่งออกไม้ดอกของไทย ในด้านความต้องการที่ลดลง รวมถึงปัญหาการขนส่งระหว่างประเทศ แต่คาดว่าเมื่อสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลายลง คู่ค้าของไทยจะกลับมามีความต้องการไม้ดอกมากขึ้น

สำหรับโอกาสการค้าไม้ดอกภายในประเทศ พบว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนมีเวลาเพิ่มขึ้นจากวิถีการปรับเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน ทำให้มีเวลาในการทำงานอดิเรกมากขึ้นทั้งการตกแต่งสวน การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงการจัดงานและแสดงความยินดีในเทศกาลต่าง ๆ การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไม้ดอกส่งออกภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ควรศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจและเตรียมตัวด้านเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนังสือรับรองสุขอนามัยพืช หนังสือรับรองการรมสารเคมี ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ ใบกำกับบรรจุหีบห่อสินค้า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีระเบียบที่ควบคุมการส่งออกกล้วยไม้สด ได้แก่ การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า การตรวจคุณสมบัติของสินค้าด้านถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขอใช้สิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากร

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube