fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ผบ.ตร.เข้มม็อบ6มี.ค.สั่งกักตัว41ตร.ผวาโควิด

Featured Image
ผบ.ตร. เข้ม ม็อบ6มีนา เข้าข่ายผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและละเมิดศาล สั่งกักตัวตำรวจ 41 นาย เสี่ยงโควิด -ปัดมีบิ๊กตร.โยงจับยา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่ม redem บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เพื่อเดินทางไปทำกิจกรรมหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) ว่า ขณะนี้ไม่ว่าการชุมนุมใด ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนถือว่าเป็นกระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยยืนยันว่าตำรวจไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว ส่วนจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมนัดทำกิจกรรมนั้นถือเป็นพื้นที่ศาล ซึ่งหากมีการทำกิจกรรมจะถือว่าเป็นการละเมิดศาลทันที ส่วนมาตรการป้องกันดูแลความเรียบร้อยนั้น เบื้องต้นทาง สำนักงานศาลยุติธรรมได้ประสานกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อพูดคุยถึงประเด็นนี้แล้ว

ทั้งนี้ นอกจากการชุมนุมที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวแล้ว ยังมีในส่วนของกลุ่ม อาชีวะไม่เอาเผด็จการ ที่นัดรวมตัวกันที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 17.00 น กลุ่มปล่อยเพื่อนเรานัดรวมพลกัน ที่โลตัสรังสิตเพื่อเดินทางไปกรมทหารราบที่ 11 เวลา 13.00 น. และขบวนเดินทะลุฟ้าที่จะมีการนัดรวมตัวกัน ที่ตลาดนัดเซียร์รังสิต เดินเท้าไปจนถึงแยกเกษตรบางเขนทำกิจกรรมที่บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ต่อไป

ผบ.ตร. สั่งกักตัวตำรวจ 41 นาย เสี่ยงโควิด หลังพบดาบตำรวจสน.วังทองหลาง เดินทางไปพื้นที่สีแดง พร้อมให้ทำความสะอาดพื้นที่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงกรณี ดาบตำรวจสมยศ นวมเจริญ ชุดควบคุมฝูงชน สน.วังทองหลาง ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้ได้ส่งตัวตำรวจจำนวน 25 นาย มาตรวจหาเชื้อโควิด-19 และควบคุมตัวเพื่อสังเกตอาการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจแล้วเนื่องจากตำรวจทั้ง 25 นายนี้ ถือเป็นว่าอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

นอกจาก ยังมีตำรวจอีกจำนวน 16 นาย ที่เข้าสู่กระบวนการ home quarantine เพื่อเฝ้าระวังตัวเองและสังเกตอาการ รวมทั้งสั่งให้ทำความสะอาดพื้นที่สน.วังทองหลางทันที

โดยจากการตรวจสอบ ดาบตำรวจนายดังกล่าว เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลรถผู้ต้องขังในพื้นที่การชุมนุมเท่านั้น ยืนยันดาบตำรวจไม่ได้เข้าไปเผชิญหน้าหรือสัมผัสกับกลุ่มผู้ชุมนุม

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาไปตรวจประวัติหาเหตุและผล ที่ดาบตำรวจนายนี้เดินทางไปยังจังหวัดสมุทรสาครซึ่งถือเป็นพื้นที่สีแดงก่อนจะกลับมายังกรุงเทพเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทันทีโดยไม่ได้กักตัวนั้น ทาง ทีมสอบสวนโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ

 

ผบ.ตร. แถลงยัน 2 นายตำรวจใหญ่ไม่เกี่ยวข้องปมจับไอซ์ 1.5 ตัน ชี้เอกสารแผ่นเดียวบ่อนทำลายความน่าเชื่อกระบวนการยุติธรรม

พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมชี้แจงกรณีผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีข้าราชการตำรวจยศ พันตำรวจเอก และ พลตำรวจโท ถูกพาดพิงในคดีที่ตำรวจภูธรจังหวัดตาก จับขบวนการค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยึดไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ที่ด่านตรวจความมั่นคงร่วมบ้านห้วยยะอุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2562 โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า ในคดีนี้ พบมีเอกสารบางส่วนหลุดไปสู่สาธารณชน จนทำให้สังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งเป็นเพียงภาพที่ผู้ต้องหา ชี้ไปยังภาพของตำรวจยศ พลตำรวจโท นายหนึ่ง และมีเพียงคำอ้างว่า พบเห็นนายตำรวจนายนี้ อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดอื่น ๆ ได้ ส่วนตัวจึงได้สั่งการให้มีการตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำผิด พร้อมมองว่า เอกสารที่หลุดออกมา ไม่ใช่หลักฐานทั้งหมดของคดี ยืนยันว่า การสืบสวนสอบสวนคดีมีการทำงานร่วมกันหลายหน่วย หากมีหลักฐานความผิดชัดเจนจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่สามารถปิดบังได้ จึงมองว่า การบิดเบือนข้อมูลลักษณะนี้ ต้องการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว พันตำรวจเอกสราวุธ คนใหญ่ รองผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้ชี้แจงถึงการจับกุมคดียาเสพติดดังกล่าว ว่า แม้ผู้ต้องหาจะพาดพิงถึงตำรวจ 3 คน แต่จากการสืบสวน ยังไม่มีหลักฐาน นำไปสู่การแจ้งข้อหาสมคบฯ ได้ เพราะมีเพียงแค่คำกล่าวอ้างจากผู้ต้องหา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกตัวมาสอบสวน อีกทั้ง การตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของผู้ต้องหา ก็ไม่พบมีความเชื่อมโยงกับตำรวจที่ถูกพาดพิง

เช่นเดียวกับ พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบคดีนี้ ยืนยันว่า ตำรวจภูธรภาค 6 มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และพร้อมจะสืบสวนต่อไป หากมีการพาดพิงถึงใครในอนาคตติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube