อยากมีแฟนนะ แต่ไม่ใช่ใครก็ได้ : เมื่อมาตรฐานกลายเป็นกำแพง ในการเลือกแฟน

“ตัวสูง ผิวแทน หน้าคม คิ้วเข้ม หมวย เนิร์ด ใส่แว่น หุ่นหมี ไม่มีธงแดง ไม่มีแฟนเก่าคนโปรด”
ลิสต์ในใจมีเป็นสิบๆ (เอ๊ะหรือมากกว่านั้น?) แต่พอหายไปสักข้อก็ไม่อยากได้คนนั้นแล้ว เราคิดว่าเราทำถูก ที่ไม่ยอมลดมาตรฐานเพื่อใคร แต่ในขณะเดียวกัน ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า แล้วแบบนี้…เราจะมีแฟนกับเขาบ้างไหมนะ?
หลายคนบอกเราว่า “เลือกเยอะ” หรือ “มาตรฐานสูง” และเราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะมันคือความจริงที่เรารู้ดีอยู่แก่ใจ ในสมุดบันทึกเงื่อนไขความรักของเรา มีรายการเรียงเป็นข้อๆ ต้องแบบนี้ๆๆ เท่านั้น! ไม่อะลุ่มอล่วย เหมือนหัวใจเรากำลังคัดกรองคนที่เข้ามา เหมือนที่บริษัทใหญ่ๆ รับพนักงานเข้าทำงานสักคน
แต่… แค่ไหนถึงเรียกว่า “มาตรฐานสูง”?
ความหมายของคำนี้ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขให้ใครต้องเป็นคนที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในโลก ไม่ได้ฝันว่าจะต้องรักกับใครที่เพียบพร้อมในทุกด้าน ไม่ได้อยากได้คนที่หล่อที่สุด สวยที่สุด เก่งที่สุด ทั้งที่ตัวเราเองก็เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่คำว่า “มาตรฐานสูง” ที่เรากำลังพูดถึง มันคือสิ่งที่เรารู้สึกว่า ‘ใช่’ สำหรับเราเอง
บางคนอาจให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก ชอบคนผิวขาว ผิวเข้ม บางคนหลงใหลความขี้เล่น บางคนชอบความสุขุม อ่อนโยน บางคนอยากได้คนฟังเก่ง หรือบางคนต้องการคนพูดเก่ง
และเมื่อเราตั้งมาตรฐานไว้ หมายถึงว่า คนที่จะผ่านเข้ามา ต้องมีคุณสมบัติครบทั้งหมด หากต้องลดข้อใดข้อหนึ่งลงเพื่อให้ใครเข้ามาในชีวิต ก็เริ่มคิดแล้วว่า เรากำลังลดมาตรฐานตัวเองอยู่หรือเปล่า งั้นแบบนี้สู้ไม่มีเสียยังดีกว่า แบบนี้ล่ะที่เรียกว่ามาตรฐานสูงที่เรากำลังพูดถึง
มาตรฐานสูงเข้าไว้ก็ไม่ผิด
การมีมาตรฐานในใจ ไม่ใช่เรื่องผิด มันคือกลไกป้องกันตัวของจิตใจ ที่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลากับใครที่ “ไม่ใช่” ตั้งแต่แรก
แม้แต่ Amie Leadingham ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ ยังสนับสนุนให้คนลิสต์คุณสมบัติของคนรักที่เราต้องการไว้ในใจ ไปจนถึงสิ่งที่รับไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งกลยุทธ์นี้ จะช่วยสะท้อนให้เห็นปัญหาจากความสัมพันธ์ในอดีต อะไรที่มันเป็นตัวต้นเรื่อง ก่อปัญหาจนต้องยุติความสัมพันธ์กันไป
พอจับจุดได้แล้วว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแนวทาง เช่น ถ้าเราเคยคบกับคนที่ไม่รักษาความสะอาด เกิดการทะเลาะกันไปจนเลิกกันในที่สุด เราอาจเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขเชิงบวกว่า “ฉันชอบคนสะอาด” และนำสิ่งนี้ไปเป็นหนึ่งในมาตรฐานของตัวเอง เพื่อไม่ให้เราเจอปัญหาเดิมซ้ำสอง
แม้ Amie Leadingham จะเน้นย้ำเสมอว่า เราควรมีมาตรฐานในใจเวลามองหาความสัมพันธ์ แต่เธอก็ฝากไว้ด้วยดอกจันตัวโตๆ ว่า “ระวังอย่าติดกับดักของรูปลักษณ์ภายนอก”
แน่นอนว่าเรามีสิทธิ์จะชอบใครในแบบที่เราชอบ จะมีสเปกก็ไม่ผิดอะไร แต่ลึกลงไปภายใต้รูปร่างหน้าตานั้น ยังมีสิ่งสำคัญอีกมากที่เรามองไม่เห็น อย่างจิตใจ, อารมณ์, มุมมองต่อชีวิต, ทัศนคติทางการเมือง, ศาสนา, มารยาททางสังคม หรือแม้แต่ระเบียบวินัยเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนวิธีคิดในระยะยาว บางทีเราอาจพลาดสิ่งที่ใช่ที่สุด เพียงเพราะว่า “หน้าตาเขาไม่เป็นแบบที่เราวาดไว้ในหัว” ก็ได้
เมื่อมาตรฐานกลายเป็นกับดักความคาดหวัง
บางครั้งตั้งมาตรฐานไว้แล้ว แต่กลับเจ็บซ้ำๆ เลือกแล้ว เลือกอยู่ เลือกต่อ เลือกจนเหนื่อย แต่กลับพบว่า ไม่มีใคร “พอดี” กับเราเลยสักคน
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรามีมาตรฐานสูงหรอก หากแต่เป็นเพราะเรา “คาดหวัง” ว่า คนที่มีคุณสมบัติ A ต้องมี B, C และ D ตามมาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่พอความจริงไม่ใช่แบบนั้น ความคาดหวังก็พังลง เราเลยผิดหวังกับความไม่สมบูรณ์แบบ ทั้งที่ลืมไปว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% อยู่แล้ว
สำหรับใครที่ยังศรัทธาในมาตรฐานของตัวเอง ก็ขอให้ยืนหยัดไว้ เพราะการรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คือความชัดเจนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง แต่หากในบางมุมของหัวใจเริ่มกระซิบเบาๆ ว่า “หรือเราจะลองเปิดใจอีกสักนิด ลดมาตรฐานลงอีกสักหน่อย” ก็ไม่มีอะไรผิดเลย หากจะค่อยๆ คลายลิสต์ในใจ จาก 100 ข้อ เหลือสัก 80 ข้อ
แล้วแบบนี้จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ?
อย่าตกหลุมกับดักรูปลักษณ์ภายนอก (Packaging Trap)
การดึงดูดกันทางกายภาพเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อาจพลาดใครบางคนที่ “ข้างในตรงใจ” เพียงเพราะ “เปลือกนอกที่ไม่ตรงสเปก” หรืออีกด้านหนึ่ง เราอาจเคยหลงใหลในคนที่ดูดีทุกระเบียบนิ้ว แต่พอได้คุย ได้คบกันจริงๆ กลับรู้สึกว่า เราสองคนเหมือนอยู่กันคนละโลก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็นับว่าเสียดายเวลาและโอกาสเหมือนกันทั้ง 2 กรณี
เราให้ความสำคัญกับอะไรที่สุด?
ในบรรดาลิสต์ 100 ข้อในใจเรา ข้อไหนคือตัวชี้ชะตาความสัมพันธ์จริงๆ?
- หน้าตา?
- ทัศนคติ?
- ความขยัน?
- ศีลเสมอกัน?
ไม่มีอะไรผิดหรือถูกหรอกนะ แต่ถ้าเรารู้ว่าอะไรคือ “หัวใจหลัก” ของความสัมพันธ์ เราก็จะไม่หลงทางในการเลือก และไม่เผลอไปคาดหวังเรื่องรองให้กลายเป็นเรื่องหลัก
เปิดใจให้กับความหลากหลายของมนุษย์
อย่าลืมว่า คนคนหนึ่งสามารถเป็นได้หลายเวอร์ชัน กับเพื่อนแบบหนึ่ง กับครอบครัวอีกแบบ กับเราก็อาจแตกต่างออกไปอีก
จิตวิทยาการสื่อสาร ระบุว่า บุคลิกที่เราเห็น อาจไม่ใช่ “ตัวตน” แต่เป็น “เวอร์ชันที่เขาเลือกแสดงออกในบริบทนั้นๆ” เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปจากการเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
ไม่ต้องรีบร้อน ความรักไม่ใช่เส้นชัยที่ใครถึงก่อนจะชนะ
บางครั้งหัวใจของเราอาจเร่งรีบ อยากรู้ให้แน่ชัดว่า “ใช่หรือไม่ใช่” แต่ความสัมพันธ์ การที่เราจะทำความรู้จักกับใครสักคนไม่ใช่การสอบสัมภาษณ์ที่ต้องได้คำตอบภายใน 15 นาทีแรก
ในโลกของความรู้สึก บางคนต้องใช้เวลาในการแสดงตัวตนที่แท้จริง บางคนอาจไม่เป็นแบบที่เราคิดในตอนต้น และแน่นอนว่า เราเองก็อาจยังไม่เป็นตัวตนที่ชัดเจนในสายตาของเขาเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ให้เวลากันและกันในการเรียนรู้ดีกว่าตัดสินกันเร็วเกินไปเพียงเพราะบางเหตุการณ์ไม่พึงใจที่อาจเกิดขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว
สุดท้ายแล้ว อย่าเพิ่งกังวลไปเลยว่าเราจะได้เจอ “คนที่ใช่” หรือไม่ เพราะความรักไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาเพียงอย่างเดียว และก็ไม่ใช่สมการคณิตศาสตร์ที่เราจะเอาเช็กลิสต์มาคูณหารแล้วจะได้คำตอบที่แน่นอน คนที่ดูตรงใจทุกข้อ อาจไม่ใช่คนที่ไปต่อได้ในโลกแห่งความจริง ในขณะที่คนที่ดูไม่เข้าตาเลยในตอนแรก อาจค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาในหัวใจ และกลายเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews