fbpx
Home
|
ไลฟ์สไตล์

เชื่อหรือไม่ เรามองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้น้อยกว่าที่คิด

Featured Image

          เชื่อหรือไม่ว่าเรามองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้น้อยกว่าที่เราคิด ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือที่อยู่ตรงหน้าเรากลับมองไม่เห็นมันทั้งๆที่เราพยายามกวาดสายตามองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เรามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่บนถนนจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้หลายคนอาจจะไม่เห็นภาพและนึกไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไร เรามาลองทำแบบทดสอบนี้กันดู 

          การทดสอบนั้นง่ายๆ ให้คุณนับจำนวนครั้งที่ลูกบอลถูกส่งโดยคนที่ใส่เสื้อขาวว่าถูกส่งไปทั้งหมดกี่ครั้ง ย้ำว่าเสื้อขาวเท่านั้น เสื้อดำไม่เกี่ยว นับและสนใจแค่ลูกบอลที่ถูกส่งเฉพาะคนที่ใส่เสื้อสีขาวเท่านั้น และต้องดูคลิปนี้ก่อนที่จะอ่านต่อนะ สำคัญมาก (อย่าโกงนะ ไม่งั้นจะไม่สนุกเลยจะบอกให้) 

https://www.youtube.com/watch?v=IGQmdoK_ZfY

          นับได้กี่ครั้งกันเอ่ย ?

          คำตอบที่ถูกต้องคือ 16 ครั้ง 

          แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของการทดสอบในครั้งนี้ (อ่าว แล้วให้นับทำไม) สาระและคำถามสำคัญคือ คุณเห็นกอริลลา หรือเปล่า? หลายคนอาจจะไม่เห็นว่ามีกอริลลาเข้ามาเต้นในวิดีโอและสีของผ้าข้างหลังยังเปลี่ยนไปอีกด้วย สำหรับคนที่เห็นเชื่อไหมว่า มีคนจำนวนมากไม่เห็นและไม่สังเกตสองสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเลย 

          การทดลองนี้เรียกว่า the invisible gorilla เป็นการทดลองที่โด่งดังในอดีตและถูกนำมาเขียนหนังสือเพื่ออธิบายว่าสมองของเรานั้นมองเห็นได้น้อยกว่าที่เราคิด สมองทำให้เรามองไม่เห็นและทำให้จำเรื่องราวผิดออกไปจากความเป็นจริง ใครสนใจสามารถหาอ่านได้เลยหรือสามารถฟังจากรายการ 5 Minutes ที่เอาเรื่องราวมาเล่าย่อๆได้สนุกทีเดียว โอเคมาต่อกัน โดยสรุปคือ สมองเรานั้นบางครั้งมันทำให้เรามองข้ามสิ่งที่ควรจะเห็นไปได้เลย และสมองยังทำให้เราจำเหตุการณ์บางอย่างผิดไปจากความเป็นจริง เป็นเพราะเราและสมองใส่ใจในบางอย่าง จนลืมสังเกตสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตัวอย่างเช่น 

          เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ USS Greeneville ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เต็มไปด้วยลูกเรือที่ชำนาญ พร้อมผู้บังคับบัญชาที่ผ่านสนามมานับไม่ถ้วน ได้ถูกสั่งออกเดินเรือโดยกระทันหัน และช่วงหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังจะนำเรือขึ้นสู่ผิวน้ำ พวกเขาได้นำกล้องส่องผิวน้ำเพื่อความปลอดภัย พวกเขาไม่เห็นอะไรเหนือผิวน้ำ เลยดำเรือขึ้นสู่ผิวน้ำในทันที แต่เมื่อขึ้นมา เรือดำน้ำพวกเขากลับชนกับเรือประมง Ehime Mau ของญี่ปุ่นทำให้มีผู้เสียชีวิต 

          เรื่องนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามอย่างมาก เรือดำนี้ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีลูกเรือมากความสามารถ มีกัปตันเรือที่เชี่ยวชาญ พวกเขาพลาดได้อย่างไร แน่นอนว่าหลังเหตุการณ์นี้พวกเขาโดนสอบสวนอย่างหนักหน่วง มีการตั้งข้อสมมติฐานมากมายเช่น ความเหนื่อยล้า อาการเมา การขัดต่อระเบียบปฏิบัติการต่างๆ 

          หนึ่งในข้อสมมติฐานที่ถูกตั้งขึ้นมาคือ การมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนที่เราทำแบบทดสอบกอริลลา โดยกล่าวว่าทั้งกัปตันและลูกเรืออาจจะพยายามมองอย่างอื่นที่เป็นอันตรายหรือโฟกัสกับอย่างอื่นมากกว่าเรือประมง ทำให้พวกเขามองไม่เห็นมัน 

          สรุปแล้วเกิดจากอะไร 

          สรุปง่ายๆที่สุดคือสมองไม่สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกันได้ หากสมองเราใส่ใจหรือกำลังสนใจกับสิ่งไหนสิ่งหนึ่งมากทำให้สมองมีแนวโน้มจะทำให้การรับรู้ทางสายตาลดลง นอกจากนี้เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เรายังมีโอกาสจำเหตุการณ์นั้นๆผิดและแปลกออกไปจากความเป็นจริงอีกด้วย จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นเรามักบอกและพูดสิ่งที่เห็นไม่เหมือนกัน 

          เหตุการณ์ดังกล่าวคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน 

          มีผลทดสอบหลายครั้งเกี่ยวกับการมองไม่เห็นในสิ่งที่ไม่สนใจ เช่น การมองไม่เห็นคนขับขี่รถยนต์ ขี่จักรยาน คนวิ่ง คนเดินริมทาง เพราะมองไม่เห็นหรือไม่สังเกตนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมมีคำแนะนำให้ใส่เสื้อสีสันหรือสะท้อนแสงก็เพราะเพื่อที่จะให้สังเกตได้ง่ายขึ้น 

          นอกจากนี้ยังเกี่ยวโยงถึงอุบัติเหตุอื่นๆของการขับรถ หลายครั้งที่คนขับรถมองไม่เห็นหรือไม่สังเกตสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ่งเล่นมือถือหรือกำลังทำอย่างอื่นไปด้วยเช่น ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ ทำให้การสังเกตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำได้แย่ลง รวมถึงการตัดสินใจและการตอบสนองก็ทำได้แย่ลงเช่นกัน เพราะแบบนี้จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

          มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน 

          การมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน อาจจะเป็นที่มาของคำว่า เราไม่ประมาท คนอื่นก็ประมาท ทำให้มีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง การโทรศัพท์ขณะขับรถนั้นเป็น 1 ใน 10 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของประเทศไทย 

          ป้องกันอย่างไร?

          หากมีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคนแล้วเราจะป้องกันมันอย่างไร 

  • อย่าเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ จะช่วยให้สมองเราโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้มากขึ้น
  • ขับรถและสังเกตสิ่งต่างๆด้วยความระมัดระวัง ผลวิจัยชี้ว่าเรามักจะมองอันตรายใหญ่ๆมากกว่าที่จะสนใจสิ่งเล็กๆ 
  • พยายามอย่าขับรถด้วยความเร็วที่มากเกินไป 
  • เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาหากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุ เช่น บันทึกเบอร์ฉุกเฉินไว้ หรือการทำประกันรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถช่วยเหลือเราได้จริงๆเวลามีเหตุอะไรเกิดขึ้น 

          หากใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ขอแนะนำ รู้ใจ ประกันรถยนต์ที่มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง มีแอปแจ้งเคลมจุดเกิดเหตุแบบเรียลไทม์ ถึงที่เกิดเหตุไว ใครสนใจสามารถกดได้ที่นี่เลย 

          สรุปเรานั้นมีโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้น้อยกว่าที่เราคิด เพราะสมองของเราไม่สามารถทำหลายอย่างพร้อมกันได้ และการมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นจะทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากเลยทีเดียว 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

livescience : Invisible Gorilla 

Invisible Gorilla 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube