Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ทหารไทย เดินหน้าลิดรอนกำลังรบเขมร ป้องกันเหตุปะทะซ้ำในอนาคต

หลังจากกัมพูชาเปิดแนวรบปะทะไทย อย่างเต็มรูปแบบในพื้นที่อีสานใต้และตะวันออก 7 จังหวัด อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ สระแก้ว จันทบุรี และ ตราด ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันที่ 9 ธ.ค.2568

 

โดยเข้ามาหยั่งเชิงว่า ทหารไทยจะเอาจริงหรือไม่ โดยเปิดฉากโจมตีก่อนเป็นระลอกๆ ทั้งอาวุธเบา อาวุธหนัก ก่อนจะนำร่องใช้กระสุนปืนใหญ่ ปืน ค.และยิงปูพรมด้วยจรวดหลายลำกล้อง เข้ามาในพื้นที่ตอนใน คือ “ฐานอนุพงศ์” และช่องบก ก่อนปรับโหมดรบเดือดอีกครั้งช่วงฟ้าสางที่บริเวณซำแต , ภูผี, ช่องตาเฒ่าและปราสาทตาควาย

 

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก เดินทางเข้าเยี่ยมกําลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจํานวน 14 นาย จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมระบุว่า น้องๆทหารทุกคนเสียสละทําเพื่อชาติบ้านเมืองมีทั้งที่สมัครใจเข้ามาเป็นทหารและที่มาจากการเกณฑ์ทหารรวมถึงกําลังพลจาก ตชด. ซึ่งทุกคนทําหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย

 

แม้ตัวจะบาดเจ็บอยู่ก็ยังขอที่จะกลับไปสู้ต่อที่แนวหน้า ตนเองจึงขอให้รักษาตัวเองให้ดีก่อนหากไหวก็ไปได้แต่ถ้าไม่ไหวก็ขอให้พักรักษาตัวก่อนและเพื่อนๆที่เหลือจะทําหน้าที่เอง

 

โดยปกติแล้วทางกองทัพจะมีการอัปเดตสถานการณ์ในกับแนวหน้าทุกฐานปฏิบัติการทราบว่าฝ่ายตรงข้ามมีการดําเนินการอย่างไรบ้างเพื่อแก้ไขและลดการสูญเสียกําลังพล สําหรับสถานการณ์ในพื้นที่วันนี้เป็นไปตามคาดที่วันแรกๆเขาพยายามสร้างภาพว่าเราเป็นผู้กระทําหรือเริ่มก่อน มีการคาดการณ์ไว้ว่าวันนี้สถานกาณ์จะหนักขึ้นเนื่องจากฝั่งกัมพูชาจะเริ่มปฏิบัติการณ์หลังได้ภาพต่างๆไปแพร่ภาพต่อสาธารณะว่าไทยเริ่มก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง

 

เพราะต้นเหตุที่ไทยต้องปกป้องอธิปไตย มาจากวันที่นายทหารเราเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย จากการที่กองกำลังของเรากำลังทำถนน ซึ่งเราทำถนนในพื้นที่ดินแดนไทย ส่งผลให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจมีการเตือนด้วยเสียง และหลังจากนั้นก็ยิงใส่ทหารไทยทันที ขัดแย้งกับกฎการปะทะ ที่ต้องมีการยิงเตือนก่อนไม่ใช่ยิงใส่ อีกทั้งพื้นที่ที่ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยคือพื้นที่ของดินแดนไทย ไทยจึงมีสิทธิที่จะตอบโต้กัมพูชา

 

กรณีที่ฝั่งกัมพูชามีการใช้โดรนและอาวุธหนัก ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่มีการถอนกําลังไปยังที่ตั้งปกติแต่แอบฝั่งตัวอยู่ที่ใดที่ไหนจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นว่ากัมพูชาไม่เคยพูดอะไรตรงไปตรงมา

 

สําหรับการประเมินสถานการ์สู้รบ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ระบุว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเพราะแผนการปฏิบัตินึงถึงความปลอดภัยของกําลังพลให้มากที่สุด การปฏิบัติการต่างๆจะค่อยๆลิดรอนทําลายฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการต่างๆหลังรัฐบาลไฟเขียวให้กองทัพปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่

 

เมื่อถามว่าครั้งนี้จะจบจริงหรือไม่ พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า จะทําอย่างเต็มที่ โดยครั้งนี้เราจำเป็นต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขาไม่ให้ไกล รวมทั้งขีดความสามารถของเขาในเชิงลึกด้วย เพื่อให้เขาหมดสภาพในแนวคิดที่เขาเข้ามาในดินแดนของเรา ด้วยวิธีการต่างๆที่เขาเคยใช้ ให้ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปในอนาคต” โดยครั้งนี้มีการปรับวิธีใหม่ที่ต่างจากครั้งก่อนๆที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม รายงานจากหน่วยความมั่นคงชี้ว่า การสู้รบไทย-เขมร จะจบในรุ่นเราหรือไม่ ยังต้องดูกันยาว ๆ แต่ที่แน่ ๆ ขณะนี้ 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจตระเวนชายแดน ได้แยกย้ายปฏิบัติภารกิจในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด

 

ทั้งพื้นที่พิพาทที่มีการอ้างสิทธิ์ และพื้นที่ที่กัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทางฝั่งกัมพูชาก็ไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงระหว่างการเจรจาหยุดยิงของไทยเลย ไม่ว่าจะมีการทำหนังสือประท้วง หรือการทักท้วงด้วยวาจา ไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และพยายามไม่ให้ส่งกระทบต่อชีวิตพลเรือน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube