นายกฯ ไฟเขียว “กองทัพ” ปฏิบัติทางทหารจัดการกัมพูชาเต็มรูปแบบ
วันนี้ นายกรัฐมนตรี เปลี่ยนกำหนดการลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะเมื่อที่ 7 ธ.ค. มาประชุมด่วนกับหน่วยงานความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาล โดย นายกฯ ออกแถลงการณ์ ไฟเขียวให้กองทัพปฏิบัติการทหารตอบโต้เขมรแบบเต็มสรรพกำลัง ตาม มติ สมช. ย้ำชัด ไทยไม่ได้ริเริ่มรุกรานก่อน
หลังเกิดสถานการณ์ในชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 จนถึงขณะนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนในหลายพื้นที่ โดยในช่วงเช้าวันที่ 8 ธันวาคม นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนคือ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์
เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง รวมถึงการจัดการพิทักษ์ส่วนหลัง และการช่วยเหลือประชาชนเข้าศูนย์อพยพ ในเวลา 07.30 น. แต่ได้มีการแจ้งปรับแผน เปลี่ยนจากการลงพื้นที่ มาเป็นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ เรียกประชุมหารือกับหน่วยงานความมั่นคงด่วน ในเวลา 09.00 น.
จากนั้น นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ชี้แจงสถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ในหลายพื้นที่ โดยรัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงบูรณาการการทำงานเต็มกำลัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและการปกป้องอธิปไตยของชาติไทย
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ประเทศไทยจะดำรงความมุ่งมั่นสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และใช้สิทธิในการป้องกันตนเองอย่างชอบธรรม พร้อมเน้นว่าไทย “ไม่ใช่ผู้ริเริ่มความรุนแรง” และไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลาย
ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวันนี้ มีมติยืนยันให้กองทัพไทย ดำเนินการ “ปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณีตามเงื่อนไขสถานการณ์” รวมถึงภารกิจจำเป็นอื่น ๆ ตามความเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในความสามารถของกองทัพไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบตามกฎการใช้กำลัง และยึดหลักมนุษยธรรมในการปกป้องประชาชน
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งกำลังใจไปยังผู้ที่อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมกำชับทุกหน่วยงานดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งที่พัก อาหาร น้ำดื่ม การแพทย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยสูงสุดในสถานการณ์ที่ยังไม่นิ่ง
นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจาก “ช่องทางราชการเท่านั้น” เพื่อป้องกันความตื่นตระหนก และมอบหมายให้ กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก โดยจะบูรณาการร่วมกับทุกเหล่าทัพเพื่อสื่อสารข้อมูลเดียวกันอย่างถูกต้องและชัดเจน
รัฐบาล ย้ำว่า การปกป้องประเทศชาติและความปลอดภัยของประชาชนคือภารกิจสูงสุด พร้อมให้คำมั่นว่าจะรายงานสถานการณ์ต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง และดำเนินมาตรการทุกด้านที่จำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงและศักดิ์ศรีของชาติ
ในช่วงตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอความเชื่อมั่นจากประชาชน พร้อมเชิญชวนร่วมให้กำลังใจกองทัพไทยในปฏิบัติการครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คงไม่มีมีการเจรจาอีกแล้ว ถ้ากัมพูชาต้องการที่จะหยุดสู้รบ ก็ต้องทำตามสิ่งที่ไทยเคยกำหนดไว้ โดยมั่นใจว่า หลักฐานที่ไทยส่งให้องค์กรนานาชาติ ชี้ชัดว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





