ย้อนดูเหตุการณ์คดีทางการเงิน ที่เป็นประเด็นของคนมีชื่อเสียง
จากคดีล่าสุด คุณ นานา ไรบีนา ถูกจับกุม ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” และ “ความผิดตามพ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ” ฉะนั้น จะมาดูกันว่า คนที่มีชื่อเสียงในปีนี้โดนคดีใกล้เคียงกันมีใครบ้าง?!
จากที่เมื่อวานนี้ 3 ธ.ค. 68 ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ได้เข้าจับกุมตัว คุณ นานา ไรบีนา ภายในบ้านพักย่านพระโขนง ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชนและความผิด ตามพ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยมีกลุ่มผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความ ต่อ กก.4 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดี โดยในเรื่องนี้ได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด 17 ราย มูลค่าความเสียหายจาก 17 ราย มูลค่ารวมทั้งหมด 195 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่า คุณนานาได้ชักชวนให้ลงทุนหลายกิจการ กิจการแรกอ้างว่ามีการปล่อยเงินกู้สินเชื่อ ให้ดอกเบี้ย 4–7% กิจการที่สองอ้างว่ามีการถือหุ้นร่วม กิจการที่สามการทำสนามบาส และกิจการสุดท้ายคือร้านอาหารในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีเคสคล้ายกัน อีกหลายรายที่ถูกคนมีชื่อเสียงหลอก และสุดท้ายต้องโดนคดีความ อาทิ
คดี The Icon group ตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง (บอส) ในคดี The iCon Group รวม 18 ราย บอสหลายคน โดนแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน / กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” วันที่ 10 พ.ย. พ.ศ. 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปยอดการแจ้งความว่า มีผู้แจ้งความรวมทั้งสิ้น 10,460 ราย มูลค่าความเสียหาย 3,213 ล้านบาท
คดี แม่ตั๊ก มีชื่อถูกกล่าวหาและดำเนินคดีในข้อหา “พ.ร.ก. ฉ้อโกงประชาชน / ฉ้อโกงประชาชน” เช่นเดียวกันกับหลายคดีดัง รวมไปถึง การโฆษณาเท็จ , ขายทองออนไลน์ที่ไม่ตรงปก , จัดโปรโมชั่นหลอกลวง และผิดตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ขายตรง / ค้าทอง/สินค้าออนไลน์ มีผู้เสียหายหลายรายที่ซื้อทองออนไลน์,ออมทอง,สินค้า-บริการจากแม่ตั๊ก ที่อ้างว่า “ได้ของไม่ตรงกับที่โฆษณา” หรือ “ไม่ได้ของตามที่ซื้อ ล่าสุด (ปี 2025) มีคำพิพากษาของศาลอาญาในคดีของ “บริษัท เคทูเอ็น โกลด์” (ซึ่งแม่ตั๊ก–ป๋าเบียร์ เป็นจำเลย) โดยศาลวินิจฉัยว่า “ขายทอง/โฆษณาเกินจริง” — เข้าข่าย “ฉ้อโกงประชาชน” ตามกฎหมาย
หรือ นารา เครปกะเทย ที่ถูกพิจารณาในปี 2568 (2025) และศาลมีคำตัดสินเมื่อ 20 ก.พ. 68 ว่า จำคุก 28 ปี 7 เดือน (ลดโทษเหลือ 14 ปี เมื่อรับสารภาพ) พร้อมปรับ 70,000 บาท คดีนี้จัดเป็น “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และเกี่ยวกับการขาย “กล่องสุ่มทองคำ / สินค้าแบบสุ่ม” ที่ผู้เสียหายจ่ายเงินแต่ไม่ได้รับของ/ผลตอบแทนตามที่โฆษณาไว้
ทั้งนี้ โทษของ ฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ฉ้อโกงประชาชนเหมาะกับเคสที่ “หลอกคนจำนวนมาก” ให้โอนเงิน/ซื้อของ/ลงทุน เป็นการโกงแบบทั่วไป แต่ขยายผลไปถึง “ประชาชนหลายคน” เพราะฉะนั้น จึงหนักกว่าฉ้อโกงปกติ โทษ จำคุก 5 ปีขึ้นไป / สูงสุด 10 ปี ศาลมักให้ ชดใช้เงินผู้เสียหายตัวอย่าง หลอกขายสินค้า หลอกลงทุน พ.ร.ก. กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นรุ่น “หนักกว่า”ของฉ้อโกงประชาชน ใช้กับเคสที่มีรูปแบบเหมือน แชร์ลูกโซ่/ระดมทุน/ดึงสมาชิก/ สัญญาให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง คือ
“หลอกให้ลงทุนเป็นระบบ” มีโครงสร้างชัดเจน เช่น
– แพ็กเกจผลตอบแทนรายวัน/รายเดือน
– ชวนคนอื่นมาลงเพิ่มแล้วได้เปอร์เซ็นต์
– เอาเงินคนใหม่มาจ่ายคนเก่า
โทษจำคุก 5–10 ปีต่อข้อหาปรับสูงกว่าฉ้อโกงทั่วไปหลายเท่า คดีนี้ตำรวจจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะกระทบมวลชนกว้าง
บทเรียนจากทุกคดีคือ อย่าเชื่อคำโฆษณาเกินจริง ไม่ว่ามาจากใครก็ตาม ตรวจสอบก่อน ช่วยป้องกันความเสียหายได้ดีที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





