Home
|
Video

เลือกตั้ง 69 ศึก 2 พรรค “ประชาชน VS ภูมิใจไทย” จริงมั้ย?

ผลโพลการเมืองสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นภาพชัดขึ้น ว่าการเลือกตั้ง ในช่วงต้นปี 2569 จะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะ พรรคประชาชน และ พรรคภูมิใจไทย เท่านั้น ในการแย่งกันเป็นพรรคอันดับ 1

 

เป็นผู้ชนะ ได้สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน แม้ยังมีประชาชนอีกประมาณ 1 ใน 3 หรือ เกือบ 35% ยังไม่ตัดสินใจ ยังไม่รู้จะเลือกพรรคใดก็ตาม แต่จากคะแนนนิยม ในตัวบุคคลที่จะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่าง “อนุทิน ชาญวีรกุล” ผู้นำภูมิใจไทย กับ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ที่เบียดชนะกันแค่จุดทศนิยม

 

รวมถึง คะแนนนิยมของพรรค ซึ่งทั้ง 2 พรรคก็กระโดดทิ้งห่าง จากคู่แข่งพรรคอื่นๆ อยู่พอสมควร ก็น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ในระดับหนึ่งว่า พรรคสีส้ม และพรรคสีน้ำเงิน คือคู่ชิงที่แท้จริง

 

ก่อนหน้านี้ 2 เดือน นับจาก พรรคส้ม จับมือน้ำเงิน ทิ้งพรรคเพื่อไทย ยกมือหนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ เพื่อมายุบสภาใน 4 เดือน ตาม MOA หลายฝ่ายยังคงวิเคราะห์กันกว่า เลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นการต่อสู้กันของ 3 ก๊ก คือ “แดง-ส้ม และ น้ำเงิน” ขับเคี่ยวกัน 3 พรรค “ภูมิใจไทย-เพื่อไทย และ ประชาชน” แต่จากผลโพล รายภาคในรอบ 2 สัปดาห์ กลับกลายเป็นว่า พรรคส้ม และ พรรคน้ำเงิน มีคะแนนนิยมที่ทิ้งห่างจากพรรคแดง เป็นอย่างมาก

 

ทั้งคะแนนพรรค และคะแนนตัวบุคคล เท่านั้น ยังไม่พอ “พรรคแดง” ยังถูก “พรรคฟ้า” ประชาธิปัตย์ ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมากอบกู้ พลิกแซงขึ้นมาด้วย สะท้อนว่า เพื่อไทย กระแสตกอย่างหนัก โอกาสที่จะพลิกกลับมา เป็นคู่แข่ง ในรูปแบบ 3 ก๊กอีกครั้งแทบจะไม่มี

 

ความพร้อมของ”ภูมิใจไทย” แม้คะแนนนิยมพรรค จะเป็นรองอยู่พอสมควร แต่จากการที่ยังมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และมีพลังดูด สามารถกวาดต้อนบ้านใหญ่ พรรคเล็ก พรรคน้อย นักการเมือง ที่พอจะมีแสง มีฐานเสียงเป็นของตัวเอง เข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ตามการดีลของ”คู่ใหญ่ “เนิวน ชิดชอบ” พร้อมกับการเปิดตัวแคนดิเดต นายกฯ ทั้ง 3 คน “อนุทิน-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ ศุภจี สุธรรมพันธ์”

 

แม้จะไม่คอมพลีท 100% แต่ก็เพียงพอที่จะเรียกเสียงฮือฮา และส่งให้พรรคน้ำเงินได้แต้มต่อเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ และหากมองถึงวันนี้ หากให้ประเมินความพร้อมของภูมิใจไทย ก็น่าจะมีมากที่สุด ประมาณ 80-90 % เมื่อเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองอื่นทั้งหมด

 

ส่วนพรรคสีส้ม ซึ่งกระแสดีมาตั้งแต่เลือกตั้งเมื่อปี 2566 เมื่อครั้งเป็น “ก้าวไกล” แต่พอเปลี่ยนมาเป็น “ประชาชน” แม้ผลสำรวจทุกครั้ง จะยังนำเป็นอันดับ 1 แต่คะแนนก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แม้แกนนำรุ่นแล้ว รุ่นเล่า พยายามออกมาช่วย

 

โดยเฉพาะ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แต่คะแนนนิยมก็ยังถดถอยอยู่ดี ส่วนความพร้อมในการลงสนามเลือกตั้ง ก็ดูจะเป็นรองพรรคภูมิใจไทย อยู่ประมาณ 1 ช่วงตัว หลังพยายามเร่งมือ เร่งรัดความพร้อมประกาศแคนดิเดตนายกฯ ออกมาทั้ง 3 คนแล้วก็ตาม แต่ตัวบุคคลในแคนดิเดตนายกฯ 2 ใน 3 มีความสุ่มเสี่ยง อาจถูกสอย ด้วยคดี 44 สส. ที่อยู่ในมือของ ปปช.ด้วย

 

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบตัวบุคคล ระหว่าง “อนุทิน” กับ “ณัฐพงษ์” กับสถานการณ์การเมืองตอนนี้ “อนุทิน” ได้เปรียบจากโอกาสที่ได้บริหารประเทศ ความนิยมจึงพุ่งสูงขึ้น “ออร่านายกฯ” ก็มีสูงกว่า ตรงกันข้าม”ณัฐพงษ์” แทบไม่มีโอกาสได้แสดงผลงาน

 

เพราะตลอด 1 เดือน กว่า ของรัฐบาล”อนุทิน” พรรคประชาชน และ ณัฐพงษ์” แทบไม่ได้ตรวจสอบการทำงานของนายกฯ และพรรคภูมิใจไทยเลย แต่พุ่งเป้าไปที่พรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแทน และทำอะไรได้ไม่มาก แถมถูกสวนกลับ ทำให้เสียรังวัดไปหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน

 

ห้วงเวลาที่เหลือ “อนุทิน” จะยุบสภา 12 ธันวาคมนี้เลย หรือจะยืดไปจนถึง 31 มกราคม ตามที่เคยประกาศไว้ ก็ยังมองไม่ออก แต่ที่มั่นใจได้ ณ เวลานี้ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น คงเป็นไปตามผลโพล พรรคประชาชน ในฐานะแชมป์เก่า คงจะต้องสู้กับตัวเอง และพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาล

 

พรรคสีแดง สีฟ้า สีเขียว หรือสีอื่นๆ คงไม่มีใครขยับตามขึ้นมาได้ทันแล้ว เว้นแต่ ทั้ง 2 พรรค สะดุดขาตัวเองให้หัวทิ่ม ทำให้เพื่อไทย ที่เคยมีฐานเสียงหนาแน่น พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นคู่แข่งในรูปแบบ 3 ก๊กอีกครั้ง …

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube