เพื่อไทย VS ประชาธิปัตย์ ความเหมือนที่แตกต่าง ยุค “ส้มน้ำเงิน” ครองเมือง
พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคู่ปรับกันมาเกือบ 30 ปี นั้บตั้งแต่ ยังเป็นไทยรักไทย ในยุคของ “ทักษิณ ชินวัตร” สู้กับ “ชวน หลีกภัย และ บัญยัติ บรรทัดฐาน” ก่อนจะมาเป็น พลังประชาชน และเพื่อไทย สู้กับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
กระทั่ง หลังเลือกตั้งปี 62 “อภิสิทธิ์” พ่ายแพ้ และถอยห่างออกไป ในขณะที่เพื่อไทย ก็กลายสภาเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพราะสู้เกมการเมืองของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ แม้เพื่อไทย จะกลับมาเป็นรัฐบาลได้ ในเลือกตั้ง 66 และสร้างตำนาน จับมือกับประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล แต่ก็พากันลงเหว
“แพทองธาร ชินวัตร” ถูกสอยพ้นเก้าอี้ สถานการณ์ของ 2 พรรคจึงไม่แตกต่างกันมากนัก ประชาธิปัตย์ ที่ตกต่ำมานาน ตั้งแต่”อภิสิทธิ์”พ่ายแพ้เลือกตั้ง และลาออก สส.เมื่อปี 62 ก็ยังหาทาง พลิกฟื้นกลับมาไม่ได้ จนต้องไปเข็ญ”อภิสิทธิ์” กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
ส่วนเพื่อไทยก็ถดถอยอย่างหนัก จาก”คลิปเสียง”อังเคิล”อันลือลั่นของ”แพทองธาร” ถูก “สีน้ำเงิน และสีส้ม” บดขยี้ในสภา แม้จะยังมีสส.เกิน 140 คน แต่อนาคตก็ไม่ชัวร์ หลายคนเริ่มแตกแถวย้ายพรรค จนต้องปรับขบวนกันใหม่ ประกาศยกเครื่องเพื่อไทย เปลี่ยนหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหาร ไม่มีสายเลือดชินวัตร รับตำแหน่งใดๆเลย เพราะถูกบีบด้วยหลายเงื่อนไข
2 พรรคเหมือนกันคือ กำลังถูกท้าทายจากพรรคการเมืองขั้วใหม่ “พรรคสีฟ้า” อ่อนแอมานานแล้ว สมาชิกพรรคแตกแยก ขัดแย้งภายใน หลายกลุ่มออกจากพรรคไปตั้งแต่เลือกตั้งปี 62 ตามด้วย
ปี 66 สถานการณ์ของพรรคมีแต่ย่ำแย่ลง
แม้ในปี 2567 จะสร้างปรากฏการณ์สุดขั้ว ในยุค”เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ไปจับมือกับ”เพื่อไทย” ได้ร่วมรัฐบาล แต่ผลงานไม่ได้ดีขึ้น กลับกันแกระแสแย่ลงกว่าเดิม จน”เฉลิมชัย” ลาออก และเปลี่ยน หัวหน้าพรรคมา “อภิสิทธิ์” อีกครั้ง พื้นที่ปักษ์ใต้ฐานเสียงสำคัญ กระแสเริ่มดีขึ้น
ภาคกลาง และ กทม.เริ่มมีการยับไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังสูญพันธ์ไปหมดแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และนี่อาจเป็นบททดสอบสำคัญของ”ประชาธิปัตย์” และ”อภิสิทธิ์” ว่าฟื้นคืนชีพพรรคเก่าแก่ ให้เดินหน้าต่อไป ควบคู่กับการเมืองไทยได้หรือไม่
ไม่ต่างกัน”พรรคสีแดง”ที่ครองความยิ่งใหญ่ คว้าชัยชนะมาได้ตลอด ในสนามเลือกตั้ง 20 กว่าปีที่ผ่านมา โดยอาศัยบุญเก่า ผลงานจาก “ทักษิณ ชินวัตร” สมัยเป็นไทยรักไทย และมาแพ้ครั้งแรก ในปี 2566 โดยแพ้ให้กระแส”สีส้ม”
แต่ด้วยกลเกมการเมือง ที่”ทักษิณ” บงการ ทำให้เพื่อไทย รักษาจุดยืนของตัวเองไม่ได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย รัฐบาล”นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” แทบเป็นง่อย ขับเคลื่อนนโยบายอะไรไม่ได้ ติดหล่มช่วย”ทักษิณ” 1 ปีเศษ ไม่สามารถแจกเงินหมื่นได้ พอเปลี่ยนเป็น “แพทองธาร” ผลักดันแจกเงินหมื่นจนสำเร็จ แม้ไม่ 100% แต่ถือว่า พอมีผลงานบ้าง
แต่ท้ายที่สุดก็ตกม้าตายเพราะ”คลิปเสียงอังเคิล” ทำให้คะแนนยิมเพื่อไทย ร่วงสุดกู่ สส.พื้นที่ชายแดนตีจาก บ้านใหญ่หลายหลัง ปันใจไปหาสีน้ำเงิน เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนัก และเป็นที่มาของการ “ยกเครื่องใหม่” เปลี่ยนหัวหน้าเป็น “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” โดยมี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นหัวจ่าย ที่คอยตรึงกำลัง สส.ไใอยู่กับพรรคต่อไป พร้อมประกาศเป้าหมายเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องกวาด 200 ที่นั่ง
“ประชาธิปัตย์” วูบมานาน จะฟื้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ “อภิสิทธิ์” จะขับเคลื่อนพรรคด้วยคนรุ่นใหม่ สลัดคราบ”ดีแต่พูด”ได้มากน้อยเพียงใด การประกาศแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณก็เป็นได้” เพื่อเชิญชวนคน ที่มีอุดมการณ์ เข้าร่วมกับพรรค เพื่อเดินหน้าการเมืองสุจริต โดยไม่สนใจว่าเป็นบ้านใหญ่ หรือบ้านเล็ก เป็นลูกชาวนา ชาวไร่ ก็เป็นได้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่
เลือกตั้งต้นปีหน้า คือคำตอบ ว่าประชาธิปัตย์ ฟื้นหรือไม่ฟื้น ส่วนเพื่อไทย ที่สะดุดขาตัวเอง จนหกล้ม เสียหลักเซไปเล็กน้อย และประกาศยกเครื่อง เพื่อกลับมาใหม่ ซึ่งถือว่าโดยภาพรวม ยังดีกว่าประชาธิปัตย์ เพราะพื้นที่ฐานเสียงใหญ่ เหนือ และอีสาน ยังไม่โดนเจาะมากเท่าปักษ์ใต้ บ้านใหญ่ บ้านรอง หลายหลัง ยังพร้อมใจปักหลักค่ายแดง ในการสู้กับ สีส้ม และ สีน้ำเงิน
ดังนั้นหากมองกันลึกๆแล้ว เพื่อไทย จะกลับมาฟื้นคืนชีพแบบยิ่งใหญ่ ชนะเลือกตั้งอีกครั้ง ยังง่ายกว่า “ประชาธิปัตย์” จะกลับมาอยู่ในเส้นทางหัวแถว อยู่หลายช่วงตัว แต่ก็อาจติดลบอีก ฟุบหนักอีก หลังเห็นภาพ หัวหน้าพรรคคนใหม่ นำคณะไปอวยพรวันเกิด”สนธิ ลิ้มทองกุล” คู่ปรับคนสำคัญของ “ทักษิณ” และคนเสื้อแดง เมื่อ 2 วันก่อน ….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





