“บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็คเขย่าวงการสีกากี แฉปมรับส่วยเว็บพนัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดแรงสั่นสะเทือน เป็นอาฟเตอร์ช็อค ขึ้นมาอีกระลอก หลังจาก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดโปงว่า มีตำรวจในหน่วยไซเบอร์บางส่วน เรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการเว็บพนันออนไลน์
โดยอ้างว่ามี “บัญชีส่วย” ไหลเวียนอยู่ในระบบบญยชีของนายตำรวจระดับสูง
การแฉครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมหนักในองค์กรสีกากี เพราะหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ ถือเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ “ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์”เป็นการเฉพาะ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนได้ ส่วนเสียกับเว็บพนันออนไลน์เสียเอง ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของตำรวจทั้งองค์กร
หลังจากบิ๊กโจ๊กและนายอัจฉริยะออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณะ สมาคมตำรวจ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที โดยเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ดำเนินการตามกฎหมาย” กับบิ๊กโจ๊ก ฐานทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย พร้อมระบุว่า การกล่าวหาทั้งหมดควรนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ไม่ใช่แถลงข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ซึ่งหลังจากที่สมาคมตำรวจ ออกมาเคลื่อนไหว กระแสสังคมตีกลับทันที เพราะถูกตีความว่า เป็นการ “ปกป้องระบบ” มากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ตรวจสอบ จนถูกประชาชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตำรวจกำลังปิดหูปิดตาต่อปัญหาในองค์กรของตัวเอง
ในขณะที่กระแสข่าวแรงขึ้นทุกวัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคงเลือกที่จะเงียบ ไม่มีการตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรม กับข้อกล่าวหา ที่พาดพิงไปยังตำรวจไซเบอร์ ” ซึ่งการนิ่งเงียบดังกล่าวยิ่งทำให้เกิดข้อครหาว่า ผบ.ตร.กำลังถ่วงเวลา หรือไม่กล้าชนกับขั้วอำนาจในองค์กรตัวเองหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่เคยกำกับดูแลตำรวจไซเบอร์ และเคยมีประเด็นกับ บิ๊กโจ๊ก ได้ออกมาแสดงความเห็น ที่ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวหาพาดพิง โดยระบุว่า ไม่ถือสา และยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน พร้อมระบุถึงความสัมพันธ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่ามีเพียง 3 ข้อ
1. เป็นพี่น้องร่วมสถาบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
2. ร่วมรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3. และตนเอง เป็นทีมตำรวจที่ดำเนินคดี จับกุมและมีการสืบสวนขยายผลไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการ และถูกให้ออกจากราชการ
โดย ยืนยันว่าตนเอง พร้อมให้ตรวจสอบ หากมีตำรวจไซเบอร์เรียกรับผลประโยชน์จริง
ขณะที่ บนโลกออนไลน์ กระแสเรียกร้องให้ตรวจสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันพุ่งสูงขึ้น หลายเสียงตั้งคำถามว่า หากคนที่มีหน้าที่ “จับเว็บพนัน” กลับกลายเป็น “ผู้รับส่วย” แล้วประชาชนจะหวังพึ่งใครได้ สังคมยังเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบเชิงลึก และให้ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานอิสระเข้ามามีบทบาท เพื่อให้ผลการสอบสวนโปร่งใส ไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลในองค์กรตำรวจเอง
ด้านพรรคฝ่ายค้านออกมาแสดงจุดยืนชัดว่า เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้ “ตำรวจตรวจสอบตำรวจ” เพราะอาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระ ที่มีทั้งภาคประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการเว็บพนันทั้งหมด รวมถึงเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
อย่างไรก็ตาม สังคมกำลังจับตา…ว่าครั้งนี้ “ตำรวจไทย” จะกล้าสะสางคนในบ้านตัวเองหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ “เว็บพนัน” เป็นเงามืดที่ยังคงหล่อเลี้ยงระบบส่วยต่อไปแบบไม่รู้จบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





