นศ.ปี 1 ถูกทำร้ายในงานรับน้อง อาการโคม่า
วันนี้ ที่ศูนย์รับแจ้งความ ตำรวจสอบสวนกลาง นายธมนันท์ แตงทิม หรือ “จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่” พร้อมทีมงานและครอบครัวผู้เสียหาย ได้พา “นายคม” อายุ 53 ปี พ่อของ “น้องพีท” อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการจัดการการก่อสร้าง มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน เข้าร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกชายถูกกลุ่มรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น
นายคม เล่าทั้งน้ำตาว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณหกโมงเย็น รุ่นพี่โทรมาบอกว่า “น้องพีทสลบไป” และกำลังพาส่งโรงพยาบาล แต่เพียงไม่นาน โรงพยาบาลโทรกลับมาแจ้งว่า ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง อาการสาหัสและหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์ต้องช่วยกันปั๊มหัวใจจนกลับมามีชีพจรอีกครั้ง
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่า น้องพีทอาการโคม่า ปอดรั่ว บอบช้ำทั้งหน้าอก แขน และศีรษะ ต้องอยู่ในห้องไอซียู โดยยังไม่รู้สึกตัวจนถึงขณะนี้
หลังจากพ่อพยายามสอบถามถึงสาเหตุ กลับได้รับคำตอบจากรุ่นพี่เพียงคนเดียวที่ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือทำร้าย ขณะที่คนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์กลับปฏิเสธทั้งหมด ทั้งที่ในวันเกิดเหตุมีรุ่นพี่ปี 2 อยู่ด้วยประมาณ 5 คน
ต่อมา วันที่ 8 ตุลาคม ทางมหาวิทยาลัยได้เรียกครอบครัวเข้าพบเพื่อชี้แจง โดยได้เปิดกล้องวงจรปิดให้ดู แต่ปรากฏว่ามีกล้องบันทึกเฉพาะช่วงที่รุ่นพี่นำตัวน้องพีทส่งโรงพยาบาล ส่วนจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด บรรดาอาจารย์ที่อยู่ในที่ประชุมยังยอมรับว่า เหตุเกิดขึ้นสองครั้งในวันเดียว – ครั้งแรกในห้องเรียนช่วงเช้า และครั้งที่สองช่วงบ่าย รุ่นพี่บางคนไม่พอใจเพราะ “น้องพีทไม่ตอบไลน์และติดต่อไม่ได้” จึงถูกเรียกไป “ซ่อม” จนหมดสติ
มีรายงานว่า ระหว่างการซ่อม รุ่นพี่ได้ทำร้ายน้องพีทจนเลือดออกปากและจมูก ก่อนลากตัวไปห้องน้ำ แล้วพยายามจับหัวกดลงน้ำเพื่อให้ฟื้น แต่ไม่ฟื้น จึงเกิดความตกใจและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน แม่บ้านของมหาวิทยาลัยพบคราบเลือดจำนวนมากในห้องน้ำ
หลังเหตุการณ์ มหาวิทยาลัยสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ 1 คน และพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน แต่ครอบครัวยังไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากคนเพียงคนเดียว
เพราะจากร่องรอยบาดแผลและความรุนแรงที่เกิดขึ้น เชื่อว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุหลายคน
นายมานพ สีเหลือง ทีมงานจ่าคิงส์ กล่าวว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำซากมาหลายปี ตั้งแต่ปี 2562 มีนักศึกษาถูกทำร้ายระหว่างกิจกรรมรับน้องจนบาดเจ็บและเสียชีวิตต่อเนื่องแทบทุกปี ไม่ว่าจะที่เชียงใหม่ นครราชสีมา อยุธยา หรือแม้แต่นนทบุรี เหตุการณ์ทุกครั้งล้วนสะท้อนให้เห็นว่า “ความรุนแรงในกิจกรรมรับน้องยังไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย”
เขากล่าวว่า สถาบันการศึกษาควรเป็นที่ปลอดภัยที่สุด แต่กลับกลายเป็นสถานที่ที่ผู้ปกครองต้องกลัวว่าจะไม่ได้เห็นลูกกลับบ้าน ทั้งที่พ่อแม่ทุกคนเพียงแค่ส่งลูกไปเรียน ไม่ได้ส่งไปเสี่ยงชีวิตกับการรับน้อง
ด้าน “จ่าคิงส์ แตงทิม” กล่าวว่า ครอบครัวของน้องพีทอยู่ในภาวะเศร้าโศกอย่างหนัก พ่อแม่และญาติพี่น้องนอนไม่หลับ เพราะลูกชายยังนอนโคม่า มีเลือดออกทางปากและหู และไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นในเร็ววัน จ่าคิงส์ วอนให้ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เร่งดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด และจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้ยุติ กิจกรรมรับน้องที่ใช้ความรุนแรง อย่างถาวร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





