ฟังอีกมุม “อัยการ” คืนเรื่องที่ดินเขากระโดง แนะรฟท.รวมข้อเท็จจริงส่งกลับมาใหม่
สำหรับคดีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีหนังสือขอให้อัยการสูงสุดฟ้อง เพิกถอนโฉนดที่ดิน เเละขับไล่ผู้ถือครอบครองที่ดิน ซึ่งมีข่าวออกมาทางอัยการมีคำสั่งไม่รับดำเนินคดี
จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ วจนกิจไพบูลย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ส่งเรื่องคืนและแนะนำการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดี กลับไปยัง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าตามที่ รฟท.ได้มีหนังสือมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อความอนุเคราะห์ให้รับดำเนินคดีแทน
โดยขอให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิและผู้ยึดถือครอบครองที่ดินมีโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการ จำนวน 995 ฉบับ โดยไม่ได้จัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้ถือเอกสารสิทธิ ลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดินเเต่ละแปลง รายละเอียดการออกเอกสารสิทธิ และที่ตั้งของที่ดินแต่ละแปลง
โดย การรถไฟฯ ส่งเอกสารมาประกอบการดำเนินคดีเพียงเอกสารตามบัญชี เอกสารแนบท้าย ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับกฎหมายของ รฟท. คำสั่งแต่งตั้งผู้มีอำนาจ สำเนา พิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง และเอกสารเกี่ยวกับคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามประมวลกฎหมายที่ดิน และคำสั่งยุติเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดิน
รวมทั้งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของกรมที่ดิน โดยไม่มีข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับบุคคลที่ประสงค์จะให้ฟ้อง และการกระทำของบุคคลดังกล่าวที่เป็นการโต้เเย้งสิทธิของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรายละเอียดข้อเท็จจริง และเอกสารหลักฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินคดี ดังนั้น พนักงานอัยการจึงไม่อาจรับเรื่องไว้ดำเนินการได้
จึงส่งเรื่องคืนให้การรถไฟฯ ดำเนินเรื่องการขอให้ดำเนินคดีเป็นรายคดี และขอแนะนำว่า แต่ละเรื่องจะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานต่างๆที่เป็นยุติให้ชัดเจน
อาทิ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ประวัติ ความเป็นมา ที่ตั้ง อาณาเขตหรือแนวเขต ที่ดินของรัฐเพื่อใช้ในกิจการของ รฟท.(บริเวณเขากระโดง)
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลที่ รฟท.ประสงค์จะให้ดำเนินคดี ว่าเป็นผู้ใดมีที่อยู่ที่ใด เป็นผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองทำประโยชน์แปลงใดบ้าง แต่ละแปลงอยู่บริเวณส่วนใดของที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งที่ดินพิพาทกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ชัดเจน
ข้อเท็จจริงของการโต้แย้งสิทธิ เช่น การบุกรุก ยึดถือครอบครอง ลักษณะการครอบครองทำประโยชน์ ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด โดยให้ถ่ายภาพที่ดินมาประกอบการพิจารณาด้วย
โดยให้สรุปข้อเท็จจริงแห่งคดีโดยละเอียด ประกอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่จะใช้อ้างอิงในการพิจารณาดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน อัยการ แจ้งว่า รฟท. สามารถส่งเรื่องให้พนักงานในการดำเนินคดีเป็นรายบุคคลดังกล่าวเมื่อรวบรวม ข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานครบถ้วนแล้วแยกเป็นรายไป โดยทยอยส่งเรื่องเมื่อเห็นว่าเรื่องใดมีข้อเท็จจริง และเอกสารหลักฐานเพียงพอต่อการดำเนินคดีแล้ว ไม่จำต้องรอจัดส่งมาพร้อมกันทุกราย
และการส่งเรื่องให้ พนักงานอัยการว่าต่างดำเนินคดีแพ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าสามารถส่งเรื่องที่สำนักงานอัยการจังหวัดที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





