“กฤษอนงค์” เปิดใจหลังพ้นคุก ยันเป็นเหยื่อสังคมตัดสินก่อน
วันนี้ ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เดินทางมาพร้อม ทนายเตชสิทธิ์ สีแดง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีสำคัญที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของหลายบุคคลในวงการบันเทิงและธุรกิจ
ขณะที่นางสาวกฤษอนงค์เดินเข้ามาด้วยสีหน้ามั่นใจ ถือแฟ้มเอกสารในมือ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบคำให้การ ที่มาของคดี คลิปเสียง 20 ล้านบาท คดีนี้เริ่มต้นจาก บอสปัน ดิไอคอน ที่ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นการจ่ายเงินจำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีการทำธุรกิจ และมีการพาดพิงไปถึงบุคคลในวงการสื่ออย่าง นายกรรชัย กำเนิดพลอย (หนุ่มกรรชัย)
ในเวลาต่อมา กฤษอนงค์ถูกมองว่าเป็น ตัวละครสำคัญ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาและเป็นคนกลาง จนนำไปสู่การแจ้งข้อหา กรรโชกทรัพย์ และ เรียกรับทรัพย์โดยมิชอบ ศาลยกฟ้องข้อหากรรโชกทรัพย์ แต่ยังเหลือข้อหาเป็นตัวกลาง
กฤษอนงค์ชี้แจงว่า เธอถูกดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ กรรโชกทรัพย์ – ศาลยกฟ้อง เพราะเห็นว่าเงินที่จ่ายไม่ได้เกิดจากการบังคับขู่เข็ญ แต่เป็นข้อตกลงระหว่างกัน เป็นตัวกลางเรียกรับทรัพย์ – ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ลดเหลือ 2 ปีเพราะให้การเป็นประโยชน์ เธอรับโทษในเรือนจำมาแล้ว 264 วัน ก่อนจะได้รับการประกันตัวเมื่อ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยต้องติดกำไล EM ตลอดเวลา และยังเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปีหากคำพิพากษาถูกยืนตามเดิม
กฤษอนงค์เปิดใจว่า 264 วันในเรือนจำคือ “นรกบนดิน” สำหรับเธอ เพราะถูกมัดมือมัดปากไม่สามารถอธิบายอะไรได้ฉันถูกสังคมตัดสินไปแล้วว่าเป็นนักตบทรัพย์ ทั้งที่ศาลยังไม่ได้พิพากษา บ้านถูกยึด ลูกต้องย้ายโรงเรียน เงินใช้จ่ายไม่มี ต้องกู้ยืมจากทนาย ทุกอย่างคือบทเรียนที่โหดร้าย เธอยังยอมรับว่า การเลือกเป็นกลางไม่เข้าข้างใครกลับทำให้ตนเองตกเป็นเครื่องมือของทั้งบริษัทและผู้เสียหาย สุดท้ายคือถูกผลักให้กลายเป็น แพะ ในสายตาสังคม
ศาลชี้ไม่ใช่การจ่ายเพราะความกลัวหนึ่งในประเด็นร้อนคือข้อกล่าวหาว่าบอสปันจ่ายเงินเพราะถูกข่มขู่ แต่ศาลเห็นว่าการจ่ายเงินดังกล่าว ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างบอสปันกับกฤษอนงค์บอสปันทำตามคำแนะนำของตนทุกอย่าง ศาลจึงตัดสินว่าไม่ใช่การกรรโชก แต่เป็นเรื่องการตกลงกัน
คดีที่ยังไม่จบ คือ คดีหนุ่มกรรชัย และอดีตรัฐมนตรีแม้ศาลจะยกฟ้องข้อหาหลัก แต่กฤษอนงค์ยังไม่พ้นคดีทั้งหมด เพราะยังมีคดีที่ต้องต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ได้แก่ คดีของ หนุ่มกรรชัย คดีของ นางสาวจิราพร สินธุไพร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คดีของ บอสปัน ดิไอคอน ทั้งหมดอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารและหลักฐานเพื่อมอบให้พนักงานสอบสวนต่อไป
กฤษอนงค์เปิดเผยด้วยว่า หลังออกจากเรือนจำยังถูกข่มขู่ เพราะเธอเตรียมนำเอกสารไปมอบให้ DSI ซึ่งเกี่ยวพันกับผู้กระความผิด แถวสอง แถวสาม ของขบวนการที่ยังไม่ถูกจับกุม ซึ่งติดคุกไปแค่ 16 คน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ลอยนวล พวกเขามีอำนาจและพร้อมข่มขู่ตนตลอดเวลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลับมาทำงานช่วยเหลือสังคมอีกหรือไม่ กฤษอนงค์ตอบตรงไปตรงมาว่า อาจไม่เหมาะสม เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นกลางแต่ไร้อำนาจก็ไร้ประโยชน์ตนไม่อยากเป็นเครื่องมือของใครอีก บทเรียนครั้งนี้สอนแล้วว่า ความเป็นกลางไม่ได้ช่วยให้ปลอดภัย แต่กลับทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





