Home
|
บันเทิง

Gen V ซีซั่น 2

Featured Image
ข้อมูลซีรีส์ Gen V ซีซั่น 2
  • ชื่อเรื่อง: Gen V ซีซั่น 2
  • นักแสดง:
    • Jaz Sinclair                                      รับบท Marie Moreau
    • Lizze Broadway                              รับบท Emma Meyer
    • Maddie Phillips                              รับบท Cate Dunlap
    • London Thor และ Derek Luh       รับบท Jordan Li
    • Asa Germann                                  รับบท Sam Riordan
    • Sean Patrick Thomas                    รับบท Polarity
    • Hamish Linklater                           รับบท คณบดี Cipher
  • โชว์รันเนอร์:Michele Fazekas
  • ผู้อำนวยการสร้าง:Michele Fazekas, Eric Kripke, Seth Rogen, Evan Goldberg, James Weaver, Neal H. Moritz, Pavun Shetty, Ken Levin, Jason Netter, Garth Ennis, Darick Robertson, Michaela Starr, Ori Marmur, Thomas Schnauz, Steve Boyum และ Brant Engelstein
  • ผลิตโดย:Sony Pictures Television และ Amazon MGM Studios ร่วมกับ Kripke Enterprises, Point Grey Pictures และ Original Film
  • ประเภท: ตลกร้าย, ดราม่า, แอ็กชั่น, ซูเปอร์ฮีโร่
  • จำนวนตอน:8 ตอน
  • กำหนดสตรีม:วันพุธที่ 17 กันยายน 2568
  • รายละเอียดการสตรีม: สตรีม 3 ตอนแรก ในวันพุธที่ 17 กันยายน 2568 / จากนั้นจะสตรีมตอนใหม่สัปดาห์ละ 1 ตอน (ตอนสุดท้ายจะสตรีมในวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568)

จากจักรวาล The Boys สู่ Gen V ซีรีส์สุดระทึกที่บอกเล่าเรื่องราวในมหาวิทยาลัยซูเปอร์ฮีโร่เพียงแห่งเดียวในอเมริกา เหล่านักศึกษาผู้มีพลังพิเศษต้องทดสอบขอบเขตศีลธรรมของตนเอง แข่งขันกันเพื่อก้าวสู่การเป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย และคว้าโอกาสเข้าร่วม The Seven ทีมซูเปอร์ฮีโร่ชั้นนำของ Vought International  แต่เมื่อความลับดำมืดของสถาบันถูกเปิดเผย พวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเป็นฮีโร่ในแบบใดกันแน่

เรื่องย่อ:

ในซีซั่นที่สอง มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดเทอมอีกครั้ง ขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องปรับตัวอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการของโฮมแลนด์เดอร์ ที่มหาวิทยาลัยกอดอลคิน คณบดีผู้ลึกลับคนใหม่กำลังริเริ่มหลักสูตรที่สัญญาว่าจะทำให้เหล่านักศึกษามีพลังอำนาจมากกว่าที่เคย เคทและแซมได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ ในขณะที่มารี, จอร์แดน และเอ็มม่า ต้องจำใจกลับมาเรียนพร้อมกับความบอบช้ำทางจิตใจและความสูญเสียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่งานปาร์ตี้และชั้นเรียนก็ดูจะไม่สำคัญเท่าไหร่ เมื่อสงครามระหว่างมนุษย์กับซูปส์กำลังก่อตัวขึ้นทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย แก๊งนักศึกษาล่วงรู้เรื่องโครงการลับที่ย้อนไปถึงช่วงก่อตั้งมหาวิทยาลัยกอดอลคิน ซึ่งอาจมีผลกระทบใหญ่กว่าที่พวกเขาคิด และไม่ว่าด้วยเหตุผลใด มารีก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

เกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับ ซีรีส์ Gen V ซีซั่น 2 ของ Prime Video
  • ตอนจบของ Gen V ซีซั่นแรก Homelander ปรากฏตัวออกมาอย่างน่าตกใจ ทำให้โทนเรื่องของซีซั่น 2 มืดหม่นและตึงเครียดขึ้นทันที ทุกชีวิตในมหาวิทยาลัยต้องเผชิญกับผลกระทบโดยตรง
  • หนึ่งในฉากที่ทีมงานภาคภูมิใจคือ “อารีนาไฟต์ ” ที่มีนักแสดงตัวประกอบเข้าร่วมกว่า 650 คน เสียงเชียร์ที่ถาโถมเข้ามาทำให้ Jaz Sinclair และเพื่อนนักแสดงรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางการแข่งขันจริง ๆ
  • Lizze Broadway ผู้รับบท Emma หรือ “Little Cricket” ได้เจอประสบการณ์สุดโหดในกองถ่าย ทั้งฉาก โถส้วมขนาดยักษ์ ที่เธอต้องถ่ายทำในน้ำต่อเนื่องกว่า 16 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฉากเกมเบียร์ปอง ที่เธอต้องถูกเหวี่ยงเข้าไปในเกมขนาดยักษ์ที่ทีมงานสร้างขึ้นมาเพื่อการถ่ายทำฉากนี้โดยเฉพาะ
  • หนึ่งในฉากที่ซับซ้อนที่สุดคือ “โลกหุ่นเชิด” ของ Sam ที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการสร้าง ทั้งการทำหุ่นเชิด การออกแบบฉาก และการซ่อนทีมเชิดหุ่น ไม่ให้เห็นในกล้อง ผลลัพธ์คือภาพหลอนที่ทั้งน่าขนลุกและตรึงตา
  • ทีม VFX ทำให้ Jordan Li เปลี่ยนร่างจากชายเป็นหญิงแบบเรียลไทม์ต่อหน้ากล้อง โดยใช้เทคนิคจากบริษัท Luma จนสองนักแสดงถึงกับบอกว่า “มันจริงเกินไป”
  • สำหรับดนตรีประกอบใน Gen V ซีซั่น 2 ทีมผู้ประพันธ์เพลงเพิ่มความมืดดิบ ด้วยเสียงซินธิไซเซอร์บิดเพี้ยนและเสียงร้องผู้หญิง (โดยศิลปิน Kotomi) ที่ถูกนำมาใช้เป็นธีมให้กับ Marie และฉากพลังพิเศษหลายฉาก เพื่อขับอารมณ์ให้ต่างจาก The Boys แต่ยังคงอยู่ในจักรวาลเดียวกัน
  • John Koyama ผู้กำกับฉากต่อสู้เจ้าของรางวัล Emmy ถ่ายทอดฉากต่อสู้ให้สมจริงที่สุด นักแสดงหลายคนเล่าว่าเบื้องหลังการซ้อมสตันท์เหมือนการเต้นบัลเลต์ ต้องอาศัยทั้งความแม่นยำและศิลปะ
  • นักแสดงหลายคนยอมรับว่าการถ่ายทำซีซั่น 2 เต็มไปด้วยอารมณ์ เนื่องจากการสูญเสีย Chance Perdomo (ผู้รับบท Andre) พวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อสื่อสารความรู้สึกสูญเสียผ่านตัวละคร และหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงหัวใจที่ถูกใส่ลงไปในซีซั่นนี้
บทสัมภาษณ์นักแสดง
 Jaz Sinclair (รับบท Marie Moreau)

รู้สึกอย่างไรกับการกลับมาถ่ายทำ Gen V ซีซั่น 2 และได้กลับมาสวมบท Marie ในโลกของ Godolkin University อีกครั้ง?

ฉันตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาถ่ายทำในซีซั่น 2 เราทิ้งท้ายซีซั่นแรกด้วยการค้นพบพลังของ Marie ในระดับใหม่ที่ทวีพลังมากขึ้น และฉันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าทีมเขียนบทจะพาเรื่องราวไปทางไหน การได้กลับมาเล่น Marie และกลับเข้าสู่โลกของ Godolkin มันสนุกและแตกต่างไปจากเดิม เพราะโทนของซีรีส์ The Boys เองก็เปลี่ยนไป พอเรื่องของ Homelander ทวีความรุนแรงขึ้น มันส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศที่ Godolkin ทุกอย่างเลยดูมืดมนและน่าหวาดหวั่นมากขึ้น ซึ่งทำให้ฉันมีอะไรให้เล่นเยอะมาก

อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร Marie ได้มากที่สุด?

สิ่งที่ฉันชอบในตัว Marie คือ เธอไม่ได้มีคำตอบพร้อมสำหรับทุกอย่าง เธอค่อย ๆ เรียนรู้และพยายามปรับตัวไปเรื่อย ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็เต็มไปด้วยความผิดพลาด นั่นทำให้เธอเป็นมนุษย์จริง ๆ ฉันคิดว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงกับความรู้สึกผิด ความไม่มั่นใจ หรือความรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวก และอยากเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังในการทำสิ่งดี ๆ

Gen V เหมือน The Boys ตรงที่หยิบประเด็นร่วมสมัยมาสอดแทรก คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประเด็นไหนมากที่สุด?

ฉันชอบที่ซีรีส์นี้กล้าพูดถึงประเด็นร่วมสมัยอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อมโยงกับการต่อสู้ภายในใจของตัวละครได้อย่างแนบเนียน มันแสดงให้เห็นว่าการที่เรากล้าเผชิญหน้ากับปีศาจในใจตัวเอง บางครั้งก็เป็นกุญแจที่ทำให้เราได้เข้าถึงศักยภาพที่แท้จริง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Marie และ Jordan พัฒนาขึ้นอย่างไรบ้าง และการทำงานร่วมกับ London Thor และ Derek Luh เป็นอย่างไร?

ฉันรักความสัมพันธ์ของ Marie กับ Jordan มาก ทั้งคู่มีความคล้ายกันตรงที่มุ่งมั่นและจริงจัง แต่ก็ “ห่วยแตก” พอกันเวลาต้องสื่อสารเรื่องความรู้สึก ทีมเขียนบทเขียนความสัมพันธ์นี้ออกมาได้น่ารักและเป็นธรรมชาติ ส่วนเรื่องการทำงานกับ London และ Derek บอกเลยว่าง่ายมาก เราสนิทกันจริง ๆ ทำให้เคมีในจอออกมาลื่นไหลโดยไม่ต้องพยายาม

Cipher คือใคร และความสัมพันธ์ระหว่าง Marie กับเขาเป็นอย่างไร?

Cipher คือดีนคนใหม่ของ Godolkin และความสัมพันธ์ของ Marie กับเขาซับซ้อนมาก ตอนแรกเธอมองว่าเขาเป็นคนแปลก ๆ ดูไม่น่าไว้ใจและไม่เคยพูดความจริงทั้งหมด แต่พอเรื่องราวดำเนินไป เธอก็เริ่มเห็นว่า Cipher มีความสนใจในตัวเธออย่างจริงจัง และอยากผลักดันให้เธอไปถึงศักยภาพสูงสุด ความสัมพันธ์เลยกลายเป็นเหมือน “ครู–ศิษย์แบบไม่เต็มใจ” ซึ่งก็น่าติดตามว่าจะพัฒนาไปทางไหน

ถ้าเลือกได้ คุณอยากได้พลังของใครในจักรวาล Gen V หรือ The Boys?

ถ้าเลือกพลังของ Marie ไม่ได้ (ซึ่งจริง ๆ ฉันก็อยากเลือกนะ) ฉันคงเลือกพลังของ Hughie การวาร์ปได้ทันทีเป็นอะไรที่ฉันอยากได้มาตลอด… ส่วนเรื่องเสื้อผ้าจะหายไปตอนวาร์ปหรือไม่ ก็คงต้องหาทางแก้กันอีกที (หัวเราะ)

อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าพิเศษที่สุดใน Gen V ซีซั่น 2 ที่คุณอยากให้แฟน ๆ ได้เห็น?

สิ่งที่ฉันชอบคือซีรีส์นี้กล้าขุดลึกลงไปใน “ข้อบกพร่อง” ของทุกตัวละคร ทุกคนมีด้านที่พลาด มีเส้นทางที่เดินผิด และเราก็ได้เห็นพวกเขาเผชิญหน้ากับมันอย่างจริงใจ ขณะเดียวกันก็ยังมีช่วงเวลาตลก ๆ แทรกเข้ามา ซึ่งช่วยสร้างจังหวะที่ลงตัว ฉันคิดว่าแฟน ๆ จะรักซีซั่นนี้ไม่แพ้ซีซั่นแรกเลยค่ะ

Lizze Broadway (รับบท Emma Meyer)

ตอนเปิดซีซั่น 2 เราจะเจอ Emma อยู่ตรงไหนของชีวิต?

เธอผ่านความโกลาหลแบบจริง ๆ มาแล้ว ทั้งการเจ็บตัว การทรยศ และการสูญเสีย ซึ่งทำให้เธอเลิกแคร์เรื่องเล็ก ๆ ไปเยอะ เธอยังมีเสน่ห์แบบเพี้ยน ๆ อยู่ และยังมีนิสัย “ทุ่มเทให้คนอื่นเกินไป” ติดตัวเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ Emma มีความแกร่งขึ้น ดุดันขึ้น และเริ่มไม่ยอมให้ตัวเองเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนอื่นอีกต่อไป ถึงตัวเธอจะยังเล็ก แต่ใจเธอไม่ได้เล็กตามแล้ว

หลังตอนจบอันเข้มข้นในซีซั่นแรก อะไรคือผลกระทบทางอารมณ์ระหว่าง Emma กับ Sam และการเจอกันอีกครั้งในซีซัน 2 เป็นอย่างไร?

ความสัมพันธ์ของ Emma กับ Sam ในซีซั่นแรกทั้งบ้าบิ่น เร่งรีบ และมี “คำถามค้างคา” มากมาย พอทุกอย่างพังลง มันก็เหมือนหัวใจของ Emma ถูกเหยียบย่ำจนปิดตาย การเห็น Sam สูญเสียตัวเองเป็นสิ่งที่กระแทกใจเธออย่างแรง และแผลแบบนี้มันทิ้งร่องรอยไว้ลึกมาก ดังนั้นพอทั้งคู่กลับมาเจอกันในซีซั่น 2 Emma ก็ป้องกันหัวใจตัวเองไว้แน่นหนา เธอไม่อยากเปิดใจรับความรักอีกครั้งหลังจากเจ็บมาแล้ว เคมีระหว่างพวกเขายังมีอยู่แน่นอน แต่คราวนี้ถูกห่อหุ้มด้วยกำแพงที่ว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว” แต่ถึงอย่างนั้นในส่วนลึกสุด ๆ ก็ยังมีประกายความหวังเล็ก ๆ ว่า ถ้ามีใครที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ ก็คงเป็น Sam

Emma ในซีซั่น 2 ดูแข็งแกร่งและมั่นใจขึ้น คุณชอบอะไรที่สุดในการแสดงเป็น Emma เวอร์ชันใหม่นี้?

สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือ Emma ได้กลายเป็นตัวเองแบบ “จริงแท้” เธอผ่านทั้งความสูญเสีย การทรยศ และวิกฤติอัตลักษณ์ เธอเลิกซ่อนอยู่หลังภาพลักษณ์สาวน้อยที่น่ารักและยอมคนอื่นไปซะทุกเรื่อง ความเศร้าทำให้คนเปลี่ยนค่ะ ทั้ง Emma และฉันก็เปลี่ยนเหมือนกัน การจากไปของ Andre กระแทกใจเราทั้งคู่มากเกินกว่าที่คาด แล้วเรื่องกับ Sam ก็ยิ่งทำให้ชีวิตเธอสะเทือน แต่สิ่งเหล่านี้กลับหล่อหลอม Emma ให้กลายเป็นคนที่แข็งแรง ไม่ขอโทษกับการเป็นตัวเองอีกต่อไป การได้พูดประโยคที่ตรงใจจริง ๆ และยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจ มันเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังสุด ๆ

Gen V เหมือน The Boys ตรงที่หยิบประเด็นร่วมสมัยมาสอดแทรก คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประเด็นไหนมากที่สุด?

สิ่งที่ฉันรักเกี่ยวกับ Gen V และ The Boys คือซีรีส์ไม่เคลือบน้ำตาลเพื่อทำให้ทุกอย่างดูเบา แต่กล้าพูดถึงประเด็นหนัก ๆ ของโลกจริง ทั้งเรื่องอำนาจ ความกดดันทางสังคม สุขภาพจิต มาตรฐานความงามที่บิดเบี้ยว และอื่นๆ สำหรับ Emma ฉันรู้สึกเชื่อมโยงเป็นพิเศษกับเส้นเรื่องที่พูดถึงร่างกายของเธอและการกินผิดปกติ มันสะท้อนการ “ย่อร่าง” เพื่อเป็นที่ยอมรับ และน่าเศร้าที่มันไม่ใช่แค่เรื่องแต่ง ผู้หญิงจริง ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น ต้องเจอแรงกดดันแบบนี้ทุกวัน การได้เล่าเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาผ่าน Emma มีความหมายกับฉันมาก

Emma มีอะไรที่คุณคิดว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงได้ง่ายที่สุด?

Emma ก็เหมือนผู้หญิงที่ฉันเห็นในกระจกนั่นแหละ เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน ความหวังตลก ๆ และคำถามในใจว่า “ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” เธอไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ แต่เพราะแบบนั้นเองที่ทำให้เธอน่ารักและจริงใจ Emma เป็นเพื่อนที่ฉันเองก็อยากคบ เพราะเธอไม่เสแสร้ง เธอเปราะบาง แต่ก็ยังพยายามไปต่อ เธอทำให้ฉันและผู้ชมรู้สึกว่า “การไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”

ความทรงจำที่คุณชอบที่สุดจากการถ่ายทำซีซันนี้คืออะไร?

ฉันโชคดีมากที่ได้ทำงานกับ Sean Patrick Thomas ที่รับบทพ่อของ Andre เขาเป็นนักแสดงที่เต็มไปด้วยพลัง เงียบขรึม และจริงใจมาก เขามีความสามารถในการทำให้ฉากอารมณ์หนัก ๆ กลายเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและความสงบ ฉันเรียนรู้จากเขาเยอะมาก และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แสดงร่วมกับเขา มันเป็นความทรงจำที่ฉันไม่มีวันลืม

อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าพิเศษที่สุดใน Gen V ซีซั่น 2 ที่คุณอยากให้แฟน ๆ ได้เห็น?

สิ่งที่พิเศษสำหรับฉันคือ แม้ว่าเราจะผ่านความเศร้า การสูญเสีย Chance และความท้าทายต่าง ๆ แต่เรายังสร้างบางสิ่งที่เราภูมิใจอย่างแท้จริงได้ ซีซั่นนี้เต็มไปด้วยความทุ่มเทและหัวใจของทุกคน ทั้งยังบ้าคลั่ง สนุก และสุดโต่ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังสะเทือนอารมณ์อย่างลึกซึ้ง ฉันเชื่อว่าผู้ชมจะรู้สึกถึงพลังและความจริงใจที่เราทุกคนใส่ลงไปในทุกฉากค่ะ

Maddie Phillips (รับบท Cate Dunlap)

อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกเชื่อมโยงกับ Cate ได้มากที่สุด?

Cate ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลหนัก ๆ ที่เกิดจากความลังเลภายในใจ ซึ่งฉันคิดว่าหลายคนก็น่าจะเข้าใจได้ดี เธอโหยหาความรักและการยอมรับอย่างไม่รู้จักพอ เพราะวิธีที่เธอเติบโตมา แต่การพยายามทำให้ทุกคนรักคุณ มันก็ทำลายความเป็นตัวตนไปเรื่อย ๆ ฉันคิดว่าคนจำนวนมากจะรู้สึกอินกับความขัดแย้งแบบนี้ โดยเฉพาะถ้าเคยเจอการถูกทอดทิ้งหรือถูกปฏิเสธตั้งแต่เด็ก

ความสัมพันธ์ของ Cate กับ Sam ในซีซั่น 2 เป็นอย่างไร?

ความสัมพันธ์ระหว่าง Cate และ Sam ซับซ้อนมาก เธอเห็นใจ Sam เพราะเธอเองก็รู้ว่ามันเป็นยังไงเวลาถูกกักขัง ถูกใช้ และถูกทำร้าย Sam ก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของ Cate อยู่เหมือนกัน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งซับซ้อนเข้าไปอีก ทั้งคู่เหมือนอยู่ในทีมเดียวกัน แต่ก็ยังมีเท้าอีกข้างก้าวออกไปอยู่นอกเส้นทางเสมอ

ความทรงจำที่คุณชอบที่สุดจากการถ่ายทำซีซั่นนี้คืออะไร?

หนึ่งในความทรงจำโปรดของฉันคือช่วงที่ Asa (Germann) กับนักแสดงบางคนถูกห้อยด้วยสลิงในฉากไคลแมกซ์ที่เข้มข้น แล้วจู่ ๆ Asa ก็พูดออกมาว่า “what the heck!” มันเป็นโมเมนต์ที่ขำมาก ต้องอยู่ตรงนั้นถึงจะเข้าใจค่ะ

ถ้าเลือกได้ คุณอยากได้พลังของใครในจักรวาล Gen V หรือ The Boys?
ง่ายมาก ฉันอยากได้พลังของ Jordan อยากลองสลับเป็นร่างผู้ชายแล้วออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าพิเศษที่สุดใน Gen V ซีซั่น 2 ที่คุณอยากให้แฟน ๆ ได้เห็น?

สิ่งที่พิเศษคือทุกอย่างในซีซั่นนี้มันขยายใหญ่ขึ้นมาก ผู้ชมจะได้เห็นตัวละครในสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และมันจะทำให้เรื่องราวเข้มข้นกว่าที่เคยค่ะ

 

London Thor (รับบท Jordan Li)

รู้สึกอย่างไรกับการกลับมาถ่ายทำ Gen V ซีซั่น 2 และได้กลับมาสวมบท Jordan อีกครั้ง?
การกลับมาซีซัน 2 เหมือนได้เจอครอบครัวอีกครั้งค่ะ ทุกครั้งที่ได้กลับมารวมตัวกับนักแสดงและทีมงานสุดยอดฝีมือ ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอารมณ์ท่วมท้น การได้เล่นเป็น Jordan อีกครั้ง และได้กลับเข้ามาในจักรวาล The Boys รวมถึง Godolkin University มันเป็นเหมือนรถไฟเหาะทางอารมณ์เลยค่ะ เพราะซีซั่นนี้มีทั้งการเปลี่ยนแปลงและพล็อตหักมุมเยอะมาก ซึ่งทำให้ฉันแปลกใจทุกครั้งที่ได้อ่านสคริปต์ตอนใหม่

 

การทำงานร่วมกับ Jaz Sinclair เพื่อพัฒนาเคมีระหว่าง Jordan กับ Marie เป็นอย่างไรบ้าง?
ฉันกับ Jaz สร้างเคมีและความสัมพันธ์ที่สนุกมากระหว่าง Jordan กับ Marie การได้ทำงานกับ Jaz เป็นเรื่องที่ดีเสมอ เพราะเราสื่อสารกันได้ดี และสนุกมากในการสร้างตัวละครไปด้วยกัน ทุกครั้งที่เข้าฉากด้วยกันมันเต็มไปด้วยความรักและพลังบวกค่
Gen V เหมือน The Boys ตรงที่หยิบประเด็นร่วมสมัยมาสอดแทรก คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประเด็นไหนมากที่สุด?
สิ่งที่โดนใจฉันที่สุดคือการที่ตัวละครต้องเผชิญกับความไม่มั่นใจครั้งใหญ่ และหาทางก้าวต่อไปหลังจากโลกของพวกเขาพลิกคว่ำ มันเป็นสิ่งที่ผู้คนทุกคนต้องเจอในชีวิตจริง เพียงแค่ที่นี่มันถูกนำเสนอในโลกแฟนตาซีที่ย่อยง่ายและสนุกในการรับชม
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงกับ Jordan ได้มากที่สุดในซีซันนี้?
ในซีซั่นนี้เขาต้องเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ครั้งใหญ่ และต้องทบทวนความเชื่อแก่นแท้ของตัวเอง รวมถึงสิ่งที่เขายอมแลกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อความรัก ฉันว่าคนดูหลายคนน่าจะเข้าใจและอินไปกับสิ่งนี้
ความทรงจำที่คุณชอบที่สุดจากการถ่ายทำซีซั่นนี้คืออะไร?
ฉันมีความทรงจำดี ๆ เยอะมากเลย แต่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือการได้แสดงฉากต่อสู้ค่ะ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานกับทีมสตันท์ และมีหลายฉากที่ใช้แรงและพลังเยอะมาก มันเหนื่อยแต่ก็สนุกสุด ๆ
ถ้าเลือกได้ คุณอยากได้พลังของใครในจักรวาล Gen V หรือ The Boys?
ฉันคงเลือกพลังของ A-Train การวิ่งเร็วเหนือเสียงและเดินทางไกลได้ในพริบตา มันคงช่วยแก้ปัญหารถติดในแอลเอและโตรอนโตได้เยอะเลยค่ะ (หัวเราะ)
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าพิเศษที่สุดใน Gen V ซีซั่น 2 ที่คุณอยากให้แฟน ๆ ได้เห็น?
สำหรับฉัน Gen V ซีซั่น 2 พิเศษมากจริง ๆ เพราะทุกคนทุ่มเทสุดตัวในการทำงาน ทุกอย่างถูกถ่ายทอดผ่านการแสดง การเล่าเรื่อง ฉากต่อสู้ ฉันภูมิใจมากกับสิ่งที่เราทำ และตื่นเต้นที่จะให้แฟน ๆ ได้เห็นพลังของทีมนักแสดงชุดนี้ค่ะ

 

Derek Luh (รับบท Jordan Li)

ตอนเปิดซีซั่น 2 เราจะเจอ Jordan ที่ตรงไหน?
เราได้เจอ Jordan ในรถตู้ของเรือนจำ Elmira กำลังถูกพาตัวไปไม่รู้ที่ไหน แล้วจู่ ๆ ประตูก็เปิดออก แล้ว Cate ก็ยืนอยู่ตรงนั้น ทำเหมือนว่าเธอไม่เคยทรยศเพื่อน ๆ เลย ทุกอย่างปกติดี… นี่มัน Cate แบบสุดๆไปเลย (หัวเราะ) ผมแบบว่า “เกลียดเธอจริง ๆ”

 

การทำงานร่วมกับ Jaz Sinclair เพื่อพัฒนาเคมีระหว่าง Jordan กับ Marie เป็นอย่างไรบ้าง?
Jaz มีเสน่ห์มาก ถึงขนาดถ้าให้เธอแสดงกับก้อนอิฐก็ยังมีเคมีได้ (หัวเราะ) พวกเราสนิทกันในชีวิตจริงและการนำสิ่งนั้นเข้ามาในฉากช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Marie กับ Jordan ดูซับซ้อนและสมจริงมากขึ้น
Gen V เหมือน The Boys ตรงที่หยิบประเด็นร่วมสมัยมาสอดแทรก คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประเด็นไหนมากที่สุด?
สิ่งที่โดนใจผมที่สุดคือ “การต่อสู้เพื่อความยุติธรรม” การพยายามทำสิ่งที่ถูก แม้มันจะเป็นเส้นทางที่ยากกว่า เราทุกคนถูกทดสอบตลอดเวลาว่าจะเลือกอะไร และการได้เห็นตัวละครวัยรุ่นเหล่านี้ต้องตัดสินใจท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่ถูกต้อง มันสะท้อนใจมากครับ
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงกับ Jordan ได้มากที่สุดในซีซันนี้?
ความปรารถนาที่จะเป็นที่รักครับ Jordan อยากได้รับการยอมรับและความรักอย่างเต็มที่ โดยไม่ใช่แค่บางส่วนของตัวตน แต่เป็น “ทั้งหมดของเขา” ผมว่าคนดูหลายคนต้องเข้าใจความรู้สึกนี้แน่นอน
ความทรงจำที่คุณชอบที่สุดจากการถ่ายทำซีซั่นนี้คืออะไร?
ทุกครั้งที่ได้ทำงานกับ Asa (Germann) คือช่วงเวลาที่สนุกที่สุดครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม การอยู่ในกองกับเขาทำให้ฉผมมีแรงบันดาลใจตลอดเวลา พูดได้เต็มปากเลยว่า ถ้าไม่มีเขา ผมคงผ่านการถ่ายทำซีซั่นนี้ไปไม่ได้
ถ้าเลือกได้ คุณอยากได้พลังของใครในจักรวาล Gen V หรือ The Boys?
ผมคงเลือกพลังวาร์ปของ Hughie การหายตัวไปโผล่ที่ไหนก็ได้ฟังดูเจ๋งมาก แต่ผมขอเก็บเสื้อผ้าไว้ด้วยนะ (หัวเราะ)
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าพิเศษที่สุดใน Gen V ซีซั่น 2 ที่คุณอยากให้แฟน ๆ ได้เห็น?
ฉากต่อสู้ครับ ทีมสตันท์ทำงานกันอย่างสุดยอดจริง ๆ ทุกฉากต่อสู้ถูกออกแบบอย่างบ้าคลั่งและสมจริง ผมแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะให้ทุกคนได้เห็นทั้งหมด มันจะต้องสนุกสุด ๆ แน่นอน
Asa Germann (รับบท Sam Riordan)

รู้สึกอย่างไรกับการกลับมาถ่ายทำ Gen V ซีซั่น 2 และได้กลับมาสวมบท Sam อีกครั้ง?
ปีนี้เหมือนเราได้ก้าวเข้าสู่โลกใหม่ทั้งหมดครับ ทุกอย่างเริ่มต้นในจุดที่แตกต่างไปมากจนแทบจะเหมือนซีรีส์ใหม่ สำหรับ Sam เองก็เหมือนเป็นบทใหม่ของชีวิต เขาต้องค้นหาหลายสิ่งและเผชิญกับความจริงใหม่ ๆ ที่ถาโถมเข้ามา
หลังตอนจบสุดดราม่าในซีซันแรก เล่าให้ฟังหน่อยถึงผลกระทบทางอารมณ์ระหว่าง Sam กับ Emma และการเจอกันอีกครั้งในซีซั่น 2
ความสัมพันธ์ของ Sam กับ Emma ในซีซั่นแรกเกิดขึ้นเร็วและรุนแรงมาก พอมาถึงซีซั่น 2 ทั้งคู่ก็ยังต้องรับมือกับบาดแผลนั้นอยู่ Sam เองกำลังต่อสู้กับคำถามเรื่อง “ความเป็นมนุษย์” และการหาที่ของตัวเองในโลก ขณะที่ Emma ก็กำลังค้นหาตัวเองอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่พยายามหาว่าตัวเองต้องการอะไรและจะไปทางไหน และสุดท้ายมันก็จะพาเราไปเห็นเส้นทางที่คาดไม่ถึง
ความสัมพันธ์ของ Sam กับ Cate ในซีซั่น 2 เป็นอย่างไร?
Sam กับ Cate ทำงานด้วยกันในฐานะผู้นำของ Godolkin University มาสักพักแล้ว แต่พูดตามตรง ผมไม่มั่นใจว่าพวกเขา “ไปในทิศทางเดียวกันจริง ๆ” หรือเปล่า แม้พวกเขาจะยังมีแต่ละฝ่ายคอยหนุนหลังอยู่ แต่ต่างคนก็ต่างมีวิธีรับมือกับปัญหาและบาดแผลของตัวเอง มันเลยน่าสนใจว่าความสัมพันธ์นี้จะพัฒนาไปทางไหนต่อ
Gen V เหมือน The Boys ตรงที่หยิบประเด็นร่วมสมัยมาสอดแทรก คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประเด็นไหนมากที่สุด?
สำหรับผมนี่คือเรื่อง coming-of-age หรือการเติบโตที่ถามคำถามสำคัญว่า “ฉันอยากเป็นคนแบบไหนในอนาคต?” ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกตัวละครในเรื่องก็กำลังถามตัวเองด้วยคำถามนี้เหมือนกัน เพียงแต่แทนที่จะเล่าแบบเรียบง่าย มันถูกเล่าผ่านการต่อสู้ เลือดสาด การเปลี่ยนร่าง และการย่อส่วน (หัวเราะ)
ความทรงจำที่คุณชอบที่สุดจากการถ่ายทำซีซั่นนี้คืออะไร?
ทุกฉากที่ได้แสดงกับ Derek คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดครับ ถ้าต้องเลือกสักอัน ก็คงเป็นคืนที่เราถ่ายฉากในรถตู้จอดนิ่ง ๆ นานเกือบ 18 ชั่วโมง Derek ต้องแกล้งทำเป็นขับตั้งแต่หกโมงเย็นยันสิบเอ็ดโมงเช้าวันถัดมา ทุกครั้งที่ผมมองไป เขาก็ยังทำมือหมุนพวงมาลัยปลอมพร้อมทำหน้าจริงจังเหมือนขับอยู่จริง ๆ มันทั้งเหนื่อย ทั้งฮา และน่าจดจำสุด ๆ
ถ้าเลือกได้ คุณอยากได้พลังของใครในจักรวาล Gen V หรือ The Boys?
ผมคงเลือกพลังของ Homelander ครับ เพราะอยากบินได้มาก ๆ แต่ถ้าให้เลือกอีกอย่างก็คือการวาร์ปแบบ Hughie เพียงแต่ขอแบบที่ไม่ต้องแก้ผ้าตอนวาร์ป (หัวเราะ) เพราะไม่อยากโผล่มาแบบโป๊กลางที่สาธารณะ

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube