ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตพระ พบทุจริตเงินวัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. และคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ ป.ป.ท. ได้ระดมกำลังบุกจู่โจม 3 จุดเป้าหมายหลักใน 3 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี พิจิตร และสมุทรสงคราม เพื่อตามจับอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ผู้ตกเป็นข่าวฉาว พัวพันสีกากอล์ฟ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ของวัดเป็นมูลค่าสูงลิ่ว
จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมในช่วงปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมระหว่างอดีตพระชั้นผู้ใหญ่กับหญิงสาวที่รู้จักในนาม “สีกากอล์ฟ” หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ กลายเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการสงฆ์ไทย ส่งผลให้พระชั้นผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยตัดสินใจลาสิกขาเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันจากสังคม แต่แม้จะปลดจีวรแล้ว กฎหมายยังคงตามทัน
โดยเป้าหมายแรก ที่ตรวจค้นคือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใน บ้านพักภายในสถานปฏิบัติธรรมใน จ.สุราษฎร์ธานี กลายเป็นจุดสิ้นสุดของ “อดีตพระมหาทิวากร ดีไพร” อายุ 59 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ผู้ถูกออกหมายจับในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เจ้าหน้าที่พบบุคคลดังกล่าวกำลังพักผ่อนอย่างสงบ ก่อนจะถูกควบคุมตัวได้โดยไม่มีการขัดขืน
เป้าหมายสอง สมุทรสงคราม จับกุมนายสันติชัย ผ่องใส่ศรี หรือ “อุ้ย” วัย 38 ปี ลูกศิษย์คนสนิทของมหาทิวากร ถูกจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านพักใน จ.สมุทรสงคราม โดยมีบทบาทเป็นผู้ประสานงาน และเก็บเงินค่าเช่าที่ดินวัด ก่อนโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของมหาทิวากร เจ้าหน้าที่พบว่าเขามีส่วนสนับสนุนในการยักยอกทรัพย์จากวัดอย่างเป็นระบบ
เป้าหมายสุดท้ายจังหวัด พิจิตร ภายในบ้านพักของพี่สาวอดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี หรือ นายวิรัติ วัชรสิทธิเมธี วัย 60 ปี อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร คือเป้าหมายสุดท้ายของภารกิจครั้งนี้ นายวิรัติผู้เคยเป็นบุคคลสำคัญของวงการสงฆ์ ถูกจับกุมได้ในขณะนอนพักอยู่ภายในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่าเขาเคยรับเงินบริจาค 3 ล้านบาทที่ควรส่งต่อให้ มจร.พิจิตร แต่กลับนำไปใช้ส่วนตัว ไม่ปรากฏว่าได้โอนเข้าบัญชีของสถาบันแต่อย่างใด
การสืบสวนพบว่าช่วงปี 2565-2568 อดีตพระมหาทิวากร โอนเงินจากวัดจำนวนกว่า 1.17 ล้านบาทให้กับสีกากอล์ฟ ขณะเดียวกัน นายสันติชัยยังมีบทบาทในการจัดเก็บค่าเช่าพื้นที่วัดจากบริษัทเอกชน โดยรวมแล้วเงินค่าเช่าเรือกว่า 870,000 บาท กลับไม่เข้าสู่บัญชีวัด แต่ไปปรากฏอยู่ในบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสแทน จากผ้าเหลืองสู่หมายจับ
แม้บุคคลที่เกี่ยวข้องจะลาสิกขาออกจากสมณเพศแล้ว แต่ความผิดทางกฎหมายยังคงต้องรับผิดชอบ การจับกุมในวันนี้จึงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการขุดลึกสืบสาวเส้นเงิน ความสัมพันธ์ และพฤติกรรมทุจริตในเงามืดของวงการสงฆ์ ที่เชื่อมโยงไปยังหญิงสาวรายเดียวกัน ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายถูกควบคุมตัวที่ บก.ปปป. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเตรียมแถลงข่าวเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ โดยปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1″ อาจเป็นเพียงบทเริ่มต้นของภารกิจล้างบางครั้งใหญ่ ที่จะสะเทือนวงการพระสงฆ์ไทยไปอีกนาน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัวผู้ต้องหา ทั้ง 3 ราวมา สอบปากคำ ที่กองปราบฯ ผู้ต้องหารายแรก คือ นายสันติชัย ผ่องใส่ศรี คนขับรถของอดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท เข้ามาที่ตึกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายสันติชัย ลงจากรถ ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะเข้าไปถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องการยักยอกเงินค่าซ่อมเรือหน้าวัด และนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว จริงหรือไม่
ตลอดการควบคุมตัวนายสันติชัย ตอบเพียงแค่คำว่า ไม่ครับ ไม่มี ก่อนจะถูกควบคุมตัวเข้าไปภายในตึก รายที่ 2 อดีตพระมหาทิวากร ดีไพร” อายุ 59 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท คนสุดท้ายคือ อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี หรือ นายวิรัติ วัชรสิทธิเมธี วัย 60 ปี อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews