Home
|
Video

เปิดแผนร้าย “2พ่อลูกฮุน” – ก่อสงคราม พาไทยไปศาลโลก?

ในที่สุดก็มาถึงฉาก  ที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย กับการมี “ศึกสงคราม” ที่นำมาสู่ความสูญเสีย กับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีพรมแดนติดกันประเทศไหนก็ตาม แม้หลายฝ่ายโดยเฉพาะ “หน่วยข่าวความมั่นคง” จะเฝ้าระวังถึงสัญญาน ความตึงเครียดที่จะกระชั้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการ “สร้างสถานการณ์” เป็นสเต็ปต่อเนื่อง ของฝ่ายกัมพูชา ภายใต้การนำของ 2 พ่อลูกตระกูลฮุน “ฮุนเซน” และ “ฮุนมาเนต” นายกเขมร

 

โดยเฉพาะในช่วง1สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุทหารไทยเหยียบ “กับระเบิด” ที่ถูกนำมาวางใหม่ลุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย ถึง 2 ครั้ง คือ วันที่ 16 ก.ค. และเมื่อวาน 23ก.ค. ไม่นับรวมการปั่นหัวยั่วยุทหารไทยทุกรูปแบบบริเวณ3ปราสาท ก่อนที่ไทยโดยกองทัพภาค2 จะทำการตอบโต้ ปิดพรมแดนและปิดปราสาท ขณะที่ไทยไล่ทูตเขมรกลับและเรียกทูตไทยกลับ

 

กระทั่งนำมาสู่การเปิดฉากยิงจากฝ่ายเขมรที่ “ช่องบก” อีกครั้ง จากที่เคยเกิดเสียงปืน จนเกิดการปะทะระหว่างทหสรไทยที่ลาดตะเวนกับทหารกัมพูชา โดยมี “ทหารเขมร”เสียชีวิต 1 ราย (28พ.ค.) โดยครั้งนี้วันนี้ (24ก.ค.)เขมร มาทรงเดียวกันคือเปิดก่อน แต่เช้าบริเวณปราสาทตาเมือนธมที่เกิดเสียงปืนใหญ่ก่อนจะตามมาด้วยการยิงกราด จรวด BM-21 แบบบ้าคลั่งใส่ฝั่งไทย ไปตกปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล ทำให้ ประชาชนคนไทยเด็กเล็กเด็กนักเรียน “ผู้บริสุทธิ์” เสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก ที่ถือว่า ผิดกติกาโลก ตามสนธิสัญญาเจนีวา ไม่นับรวมที่เขมรผิดต่อ อนุสัญญาออตโตวา ก่อนหน้านี้

ทำให้ “กองทัพไทย” ที่เตรียมปฏิบัติการ ภายใต้แผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” ที่เคยใช้ในสงครามเขมร-ไทยปี 2554 มาแล้วมีความชอบธรรมในการ “จัดหนัก” กลับคืน ด้วยการระดมปืนใหญ่ระยะไกล และ ฝูงบิน F16 จำนวน 6 ลำปฏิบัติการตอบโต้ที่ช่องอานม้า ถล่ม 2 ฐานที่มั่น กองบังคับการ กองพลน้อย สสน.8 และกองพล สสน.9 ที่เป็นฐานบัญชาการเขมร ที่สั่งการถล่มไทย โดยยังไม่มีรายงานนอกจากกองบังคับการที่ถูกถล่ม ว่ามีการเจ็บการตายเท่ามดจากฝั่งเขมร ในขณะที่ตลอดวัน ยังเกิดการปะทะกัน โดยอยู่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ของกองทัพภาคที่ 2

เรียกว่าหน้างาน ที่ถูกยกระดับเป็น “สงคราม” ระหว่างไทย-เขมร ครั้งนี้มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายที่ติดตามสถานกรณ์เขมรป่วนไทย มาตั้งแต่ต้น ว่าสารตั้งต้นและตัวการ มาจาก “2พ่อลูกตระกูลฮุน” ที่ต้องการกระชับอำนาจทางการเมืองภายใน ที่เพิ่งมีการ “เปลี่ยนผ่านอำนาจ” จาก “พ่อ” ไปสู่ ลูกชายแม้ “รัฐบาลเขมร” จะผูกขาดอำนาจ จาก พรรคเดียว คือ “พรรคประชาชน” และล้วนมีแต่คนที่เป็น “ลูกหลานตระกูลฮุน” แต่ก็ยังมีติ่ง จากตระกูลอื่นที่คุม “ความมั่นคง” จากฝั่งเตียบัน ที่ “ฮุนเซน” เองย่อมรู้ตัวตกเป็นเป้า หากตัวเองเป็นอะไรไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมหมายถึงการ “ล่มสลาย” ของ “อำนาจการเมืองและผลประโยชน์” ของครอบครัว ที่มี ศัตรูการเมือง หลายฝ่ายจ้องซ้ำอยู่แล้ว

ในขณะอีกมิติหนึ่งทางการเมืองระหว่างประเทศ ก็มีการมอง “สงครามเขมร-ไทย” ครั้งนี้ มีเงาของ “มหาอำนาจ2ซีกโลก” อย่าง “จีน” และ “สหรัฐ” ไม่นับรวมฝรั่งเศส ยืนทมึนอยู่ด้านหลัง สถานการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ “ฮุนเซน” ใช้เป็น “จุดได้เปรียบ” ในการ สร้างเรื่อง เป็นฉากๆ สลับหน้าเล่นกับลูกชาย ก่อนจะ ปั่น ให้สถานการณ์สุกงอม ภายใต้ การเสนอ “ผลประโยชน์” ทรัพยากรใต้ทะเล

 

ที่ยังเป็นกรณี กับไทยผ่าน MOU44 เป็น  ข้อแลกเปลี่ยนกับ “ประเทศแบ็คอัพที่โลกปัจจุบันกำลังเข้าโหมด “สงครามตัวแทน” ในแต่ละภูมิภาค ด้วยการนำไปสู่การปะทะกลายเป็นสงครามอันเป็นไปตามแผน “โลกล้อมประเทศ” โดยหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต “ฮุนเซน” ผู้ที่เคยผ่านสมรภูมิรบเขมรแดง ที่กระหายในการรบจน ประเทศอาเซียนส่ายหน้า มีความเข้าใจศาสตร์การรบ แนว “เอ็งมาข้ามุดเอ็งหยุดข้าแหย่เอ็งแย่ข้าตาม” ทั้งเปิดปิดทั้งอาวุธหนักและสงครามข่าวสารมักใช้ช่วงจังหวะประเทศรอบๆ มีปัญหาภายในเช่น ไทยมี “เปิดจุดอ่อน” เกิดความขัดแย้งกันเองภายใน อย่างที่เคยเกิดขึ้นในสมัย “ศึกเขาพระวิหาร” หรือมาปัจจุบันที่ประเทศไทยไร้ “ผู้นำ” โดยในช่วงยุค “รัฐบาลลุงตู่” ไม่มายุ่งไทย แต่กลับไปป่วนยุ่งกับ “ลาว” แทน.

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube